- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นหลัง 1) ความกังวลเรื่อง Debt ceiling ผ่อนคลายลงหลัง Kevin McCarthy มองบวกต่อการเจรจาว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันเวลาสำหรับการลงคะแนนเสียงครั้งแรกในสัปดาห์หน้า 2) ตัวเลขในตลาดแรงงานที่ดูดีขึ้น หลังตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 22,000 ราย สู่ระดับ 242,000 รายในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งถือว่าต่ำกว่าคาด 3) หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น
-
- กระแสเงินในวันที่ 17 พ.ค. 2023 1) กระแสเงินในตราสารหนี้และตราสารทุนค่อนข้างผันผวนไม่มีเทรนด์ในระยะสั้นที่ชัดเจน 2) มีแรงขายในตราสารหนี้หลังจากมีคณะกรรมการนโยบายการเงินออกมาส่งสัญญาณการใช้นโยบายการเงินตึตัวต่อเนื่อง 3) มีแรงซื้อในตลาดหุ้น EM แต่แนวโน้มค่อนข้างผันผวนตามการปรับตัวของค่าเงิน 4) มีแรงขายในตราสารหนี้ High Yield หลังจากมีความกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้มากขึ้นทั้งนี้มีประเด็นการขยายเพดานหนี้เป็นปัจจัยกดดัน 5) มีเงินไหลออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังราคาปรบตัวขึ้นแรงจึงมองเป็นการขายทำกำไร 6) มีแรงซื้อในตลาดญี่ปุ่นทั้งนี้มาจากการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวน้อยกว่าภูมิภาคอื่น
-
- Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ส่วนราคาถ่านหินในยุโรปลดลง 4.5% ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 5.4% ด้าน Credit Spread ของ IG ทั่วโลกลดลง 3bps ส่วน HY ปรับตัวลดลง 5bps ขณะที่ภาพรวมยังคงผันผวน กลุ่ม Reopening ในจีนปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาต่ำกว่าที่คาด เรายังภาพการฟื้นตัวของจีนค่อนข้างชัดแต่อาจจะช้ากว่าที่คาด กลุ่ม Sportwear โรงภาพยนตร์และกลุ่มการเดินทางทางอากาศปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5%-0.9%
-
- Walmart +1.3% หลังเผยผลประกอบการใน F1Q24 ดีกว่าคาด โดยรายได้เพิ่มขึ้น 7.6% และ กำไรเพิ่มขึ้น 13.1% ด้าน SSS เพิ่มขึ้น 7.4%YoYขณะที่งบมีแรงหนุนจากแรงซื้อในกลุ่มสินค้าจำเป็นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่ม เช่น TGT และช่วยเยียวยาภาพการลดลงของยอดขายในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างเช่น กลุ่มเทคฯ อย่างไรก็ดีเรามอง Position ของบริษัทดูดีสุดในกลุ่มหลังงบ 1Q23 ดูดีสุดในกลุ่ม ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังคงปรับเพิ่มคาดการณ์งบได้ถึงแม้ในระยะถัดไปยังคงมีแรงกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะยังคงกดดันต่ออุปสงค์ของผู้บริโภค
-
- Alibaba เผยงบ 1Q23 โดยกำไรดีกว่าคาดและฟื้นตัวพลิกกลับมาเป็นบวกหลังจากขาดทุนในช่วงปีก่อน แต่รายได้ออกมาต่ำกว่าคาดและเพิ่มขึ้น 2%YoY หลังการเติบโตของรายได้กลุ่มธุรกิจคอมเมิซในจีนยังคงหดตัว เรามองว่างบที่ออกมาค่อนข้างเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่เรามองว่าธุรกิจคอมเมิซในช่วงหลังจากเปิดเมืองจะมีทิศทางการเติบโตที่ลดลง ขณะที่การฟื้นตัวช้ากว่าคาดส่งผลให้ราคาหุ้นตอบสนองในเชิงลบ อย่างไรก็ดีเรามองว่าราคาหุ้นตอบสนองเชิงลบมาพอสมควร ประกอบกับภาพราคาหุ้นที่เทรดที่PE 10x เทียบกับภาพกำไรที่เติบโต 10%YoY ซึ่งภาพไม่ได้ดีแบบเมื่อก่อน แต่ด้วยมูลค่าหุ้นที่ถูก ทำให้เรามองว่าอาจเก็งกำไรในระยะสั้นและคาดหวังการฟื้นตัวในระยะถัดไป ประกอบกับการ Spinoff ที่อาจทำให้ตลาดตอบสนองเชิงบวก
-
- ผลประกอบการของ Applied Materials ใน 2QFY23 ออกมาดีกว่าที่คาด ที่มีการเติบโต YoY ทั้งรายได้และกำไร รวมถึงอัตราการทำกำไรที่ดีกว่าที่คาด และมีการชะลอตัวลง QoQ สะท้อนภาพของอุตสาหกรรมที่ยังมีความอ่อนแอ แต่อย่างไรก็ดีสิ่งที่บริษัทให้แนวโน้มนั้นไม่ได้แย่เท่ากับที่ตลาดกังวล ด้วยภาพการฟื้นตัวที่ช้าอาจจะทำให้ตลาดตอบสนองในทิศทางที่เป็นเชิงลบไประยะหนึ่งจนกว่าจะเห็นสัญญาณการชะลอตัวของการระบายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในจีน ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือน มิ.ย. – ก.ค. ส่วนราคาหุ้นมีการตอบสนองในการฟื้นตัวใน 2H23 ไปแล้วในระดับหนึ่ง ในขณะที่การฟื้นตัวค่อนข้างช้า เราจึงว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอาจจะเริ่มมีความเสี่ยงจาก Valuation ที่เพิ่มขึ้น จึงให้ระมัดระวังในการลงทุนในระยะสั้น เราชอบกลุ่ม Software เช่น MSFT, CRM ที่มีการฟื้นตัวที่ชัดเจนกว่า
|
