บทสรุป
ตลาดปรับตัวขึ้นดีทั่วโลก นำโดยตลาดสหรัฐฯและตลาดหุ้นฮ่องกงที่มีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคฯใหญ่ ขณะที่เตรียมติดตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐฯในเดือน ธ.ค. โดยตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้น 6.5%YoY ซึ่งชะลอตัวจากระดับ 7.1% ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าปีที่แล้วที่ระดับ 5.7%
กระแสเงินในวันที่ 10 ม.ค. 2023 1) กระแสเงินไหลเข้าตราสารหนี้ต่อเนื่อง โดยมองว่าเป็นภาพความกังวลกับการเติบโตของเศรษฐกิจและเริ่มเห็นการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหลังเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลง 2) มีแรงซื้อในตลาดยุโรปมองว่าเป็นประเด็นเรื่องราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 3) มีเงินไหลออกจากหุ้นธีม Growth และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ทั้งนี้มองว่าเป็นเรื่องแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลง เช่นเดียวกับหุ้นขนาดเล็กที่มีการแปรผันกับเศรษฐกิจมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะส่วนของผลประกอบการใน 4Q22 4) เห็นแรงขายในประเทศกลุ่ม EM มากขึ้นสืบเนื่องจากราคาหุ้นในกลุ่มนี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและอาจจะเป็นการทำกำไรในระยะสั้น
Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ส่วนราคาถ่านหินในยุโรปปรับตัวลดลง 4.6% และราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 5.5% จากอุณหภูมิในยุโรปในช่วงฤดูหนาวสูงกว่าที่คาดการณ์แต่อย่างไรก็ดีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีอยู่อาจจะส่งผลกระทบราคาในช่วง 2Q23 ด้าน Credit Spread ของ IG ปรับตัวลดลง 3bps และ HY ปรับลดลง 5.7bps ส่วน Credit Default Swap ปรับตัวลดลง 3.2% DoD สำหรับ IG และลดลง 3.6% DoD ส่วนหุ้น Reopening ของจีนนับตั้งแต่ต้นปี 2023 เพิ่มขึ้น 7-8% นอกจากนั้นยังเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดเดือน พ.ย. 2022 กว่า 50% บ่งชี้ว่าข่าวดีได้สะท้อนไปในราคาแล้วระดับหนึ่ง นักลงทุนที่พลาดรอบการฟื้นตัวอาจจะต้องมีการจัดการความเสี่ยงด้านราคามากขึ้นโดยหาจังหวะในการย่อตัว 5% เป็นตำแหน่งในการเข้าซื้อ เพื่อหวังผลในการฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งเรามองว่าการฟื้นตัวจะโดดเด่นใน 2Q23
Tesla (TSLA) +3.7% หลัง Bloomberg เผยบริษัทใกล้บรรลุข้อตกลงในจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ EV ในอินโดนีเซีย โดยคาดมีกำลังการผลิตรถยนต์ 1 ล้านคันต่อปี ขณะเดียวกันบริษัทได้เข้ายื่นเอกสารขยายโรงงาน Gigafactory ในรัฐเท็กซัสเมื่อวันที่ 9-10 ม.ค. ที่ผ่านมาด้วยมูลค่าเงินลงทุน $770mn ซึ่งถือเป็นการขยายโรงงานครั้งใหญ่ที่สุดนับจากการก่อสร้างโรงงานในประเทศเยอรมนีในปีก่อน ดูเหมือนในปี 2023 Tesla นั้นเน้นไปที่โรงงานแบตเตอรี่เพื่อสนับสนุนการผลิตรถยนต์ของตัวเอง มีความเป็นไปได้ที่จะมีการซื้อจากที่อื่นน้อยลงและทำให้อัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้นในช่วง 2H23 โดยในช่วงที่ผ่านมาเรามองว่าราคาหุ้นตอบสนองข่าวลบมาเยอะแล้ว เรายังมองว่าบริษัทมีกระแสเงินสดที่ดีการส่งมอบก็ยังเติบโตมาก ปัจจุบัน Tesla เทรดอยู่ที่ 23x ซึ่งเทียบกับอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยต่อปีที่ 30%