บทสรุป
ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวดี 0.8% หลังดีล UBS เข้าซื้อกิจการ Credit Suisse ส่งผลให้ภาพความเสี่ยงเชิงระบบในอุตฯธนาคารและปัญหาสภาพคล่องเริ่มคลายความกังวล ขณะที่เราแนะติดตามประเด็นความเสี่ยงจากการคุมเข้มกฎระเบียบของทางการต่อกลุ่มธนาคารที่อาจเพิ่มขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหาที่ตามมา
กระแสเงินในวันที่ 17 มี.ค. 2023 1) เริ่มเห็นแรงซื้อในตราสารหนี้หลังจากสถานการณ์ของความผันผวนในอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ประกอบกับนักลงทุนค่อนข้างอ่อนไหวกับประเด็นข่าวขาดปัญหาสภาพคล่อง ทำให้มีแรงขายในตราสารหนี้ High Yield 2) มีแรงขายในกลุ่มการเงิน สินค้าอุตสาหกรรมและพลังงานยังบ่งชี้ว่านักลงทุนเลือกที่จะเก็งกำไรและกังวลกับภาพรวมของเศรษฐกิจอยู่ 3) รวมถึงมีแรงขายในหุ้นขนาดเล็กและหุ้นกลุ่ม Value 4) เริ่มเห็นแรงซื้อในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั้งนี้อาจจะเพราะราคาหุ้นค่อนข้างนิ่งและความคาดหวังต่อการฟื้นตัวใน 2H23 5) มีแรงซื้อในโลหะมีค่าจากความกังวลกับความเสี่ยงที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนั้นยังมีแรงซื้อในกลุ่มเชิงรับอย่างกลุ่ม Healthcare และกลุ่ม Utilities
ประเด็น Russia-Ukraine เตรียมจับตาที่ทีของจีน ที่จะไปเจรจากับ ปธน.ปูติน รวมถึง ปธน.เซเลนสกี ว่าจะมีแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกันได้อย่างไร ด้านราคาถ่านหินในยุโรปปรับตัวลดลง 2.3% ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 8.3% ส่วนค่าระวางเรือในแม่น้ำไรน์ลดลง 1.6% ขณะที่ HY ในยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น 22bps มองว่าเป็นจากประเด็นของตราสาร AT1 ที่ขาดทุนจากประเด็นของ Credit Suisse ที่กำลังมีปัญหา
ปัญหาธนาคารในสหรัฐอาจจะต้องดูเรื่องมาตรการที่จะออกมาควบคุมธนาคารขนาดกลางและเล็กเพิ่มเติมภายใต้ Dodd Frank Act ที่จะมีมาตรฐานการควบคุมและมี Stress Test เหมือนธนาคารใหญ่แต่ต้องตามมาด้วยฐานทุนที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ยุโรปยังมีความน่ากังวลในระดับหนึ่ง การควบรวม UBS และ Credit Suisse ช่วยให้เห็นทางออกแต่ยังไม่คิดว่าจะเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะยาว นอกจากนั้นเราค่อนข้างกังวลกับประเด็นตราสารหนี้ Alternative Tier 1 (AT1 หรือ Coco Bond) ทำให้เรามองว่าต้นทุนทางการเงินของธนาคารในยุโรปจะเพิ่มขึ้นหรือธนาคารจะจ่ายเงินปันผลน้อยลง ทำให้เรามองว่าหลีกเลี่ยงกลุ่มธนาคารในระยะสั้นไปก่อนจากกฎเกณฑ์ที่จะตามมา
ตัวเลขการส่งออกของเกาหลีใต้ 20 วันของเดือน มี.ค. 2023 ปรับตัวลดลง 17% YoY ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ก.ย. 2022 ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงและการเปิดประเทศของจีนยังมีการฟื้นตัวไม่ดีมากนัก สะท้อนความอ่อนแอของผลประกอบการของกลุ่มเทคโนโลยี แต่เรายังมองว่าการลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ลดลงเป็นจังหวะในการเข้าซื้อ เราชอบ Nvidia, TSMC, ASML ที่คาดว่าจะฟื้นตัวใน 2H23
Amazon -1.3% หลังบริษัทมีแผนปลดพนักงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน โดยมีการปลดพนักงงานออกกว่า 9,000 ราย ซึ่งนับเป็นระดับที่เยอะที่สุดนับตั้งแต่เคยมีการเลิกจ้างงาน ขณะที่การปลดพนักงานครั้งนี้จะอยู่ในธุรกิจคลาวด์ AWS, โฆษณา, HR และ Streaming บ่งชี้ถึงความเปราะบางในธุรกิจต่างๆ ทั้งนี้คาดจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ตามรายงานของธนาคารโลก (World Bank) คาดการเติบโตทางเศรษฐกิจจะผ่อนคลายลงเหลือ 6.3% ในปี 23 นี้จากปีก่อนที่โต 8% ถึงแม้จะยังคงมีแรงหนุนจากการเติบโตของภาคบริการในระดับปานกลางและสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ดีราคาต้นทุนและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นยังคงกดดันต่อภาคครัวเรือนและนักลงทุน
