บทสรุป
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น 0.1% หลังได้รับแรงหนุนจากตลาดสหรัฐฯที่ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3% ในเดือนม.ค. ซึ่งมากกว่าคาดที่ระดับ 1.8% และมากกว่าระดับในเดือนธ.ค.ที่ 1.1% ประกอบกับแนวโน้มผลประกอบการที่ออกมาดีเกินคาดทั้ง Cisco KHC DNUT ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นดีเช่นกันหลังได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรานำโดย LVMH และ Kering
กระแสเงินในวันที่ 14 ก.พ. 2023 ในตราสารหนี้ค่อนข้างผันผวน ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์นั้นส่งผลให้ตราสารหนี้มีแรงขายเพราะกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐจะยังใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวต่อ ขณะที่เริ่มมีแรงขายในตลาด EM ต่อเนื่องหลังจากที่กระแสข่าวของการเปิดเมืองของจีนเริ่มน้อยลงและสะท้อนอยู่ในราคาแล้วระดับหนึ่ง รวมถึงค่าเงินดอลลาร์เริ่มแข็งค่ามากขึ้น นอกจากนี้มีแรงขายในหุ้นธีม Growth และ Technology ท่ามกลางความกังวลเรื่องแนวโน้มการเติบโต เราก็ยังเห็นความเป็น Risk-on ของนักลงทุนผ่านการซื้อหุ้นขนาดเล็กและกลุ่มการเงิน รวมถึงธีม Value ด้านหุ้นกลุ่มเชิงรับอย่างกลุ่ม Consumer Staples และสินค้าฟุ่มเฟือย Consumer Discretionary เริ่มเห็นแรงขาย
Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ส่วน ราคาถ่านหินในยุโรป ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.1% และราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 2.7% ส่วน Credit Spread ของ IG ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1bps ส่วน HY ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1bps นอกจากนั้น Credit Default Swap ของ IG ลดลง 0.2% แต่ HY ปรับเพิ่มขึ้น 0.1% นอกจากนี้เราก็เห็นการย่อตัวลงของหุ้นกลุ่ม Reopening ในจีนราว 9% หลังจากช่วงวันหยุดยาวของจีน หากต้องการเล่นในกลุ่มนี้เราแนะนำหุ้นที่ราคายังไม่กลับไป Pre COVID-19 อย่าง Beijing Capital International Airport, Shanghai International Airport, Sands China รวมถึงหุ้นผลประกอบการดีอย่าง Yum China
ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2023 ของ CISCO ออกมาดีกว่าที่คาดทั้งรายได้และกำไร โดยรายได้จากการขายสินค้าปรับเพิ่มขึ้น 9% YoY ซึ่งสวนทางกับยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกที่ชะลอตัวลง เช่นเดียวกับภาคบริการปรับเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY เรามองว่าราคาหุ้นน่าจะมีการตอบสนองในทิศทางเชิงบวกจากแนวโน้มและการปรับประมาณการขึ้น ซึ่งในภาพรวมนั้นหุ้นยังมี Upside ที่ค่าเฉลี่ย 13% โดยหุ้น CISCO เป็นหุ้นที่มีความผันผวนต่ำอาจจะเหมาะในช่วงเวลานี้ที่มีความผันผวนและมีกำไรดี ปัจจัยพื้นฐานดีแต่อาจจะให้ผลตอบแทนดีไม่เท่ากับหุ้นกลุ่ม Semiconductor ในช่วงเวลาฟื้นตัวใน 2H23
Shopify เผยงบ 4Q22 ดีกว่าคาด โดยกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 15%YoY ด้านรายได้เพิ่มขึ้น 26%YoY หนุนจาก GMV ที่เพิ่มขึ้นดีอย่างไรก็ดี บริษัทคาดการณ์การเติบโตรายได้จะชะลอตัวลงใน 1Q23 แม้ว่าแพลตฟอร์มจะเพิ่มราคาสินค้าให้สูงขึ้นและมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ไม่สามารถช่วยชดเชยแรงกดดันจากแนวโน้มมหภาค เช่น เศรษฐกิจชะลอตัว เงินเฟ้อที่สูง ด้าน Kering เผยงบ 4Q22 โดยรายได้ลดลง 7%YoY หลังได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ของโควิดในจีน และอุปสงค์ที่ลดลงในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นปิด +3.0% หลังนักลงทุนคาดหวังเพิ่มขึ้นต่อการฟื้นตัวธุรกิจในปี 23 โดยเฉพาะในจีนที่เริ่มเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่บริษัทมีมุมมองเชิงบวกเช่นกัน
Kraft Heinz (KHC) และ Krispy Kreme (DNUT) เผยงบ 4Q22 แกร่งและดีกว่าคาดทั้งรายได้และกำไร ขณะที่ให้คาดการณ์ในทิศทางต่างกัน โดย DNUT มองงบ 1Q23 จะขาดทุนที่ $0.3 ต่อหุ้น ซึ่งถือว่าหดตัวจากปีก่อน 76.5% ผลกระทบจากเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่อง ขณะที่ KHC ได้รับผลกระทบเช่นกันแต่มองความต้องการยังคงแกร่ง ทำให้เราค่อนข้างมีมุมมองบวกต่อ KHC มากกว่า DNUT หลังมองบริษัทมี Pricing Power ที่แกร่ง ประกอบกับสินค้าของบริษัทประเภทเครื่องปรุงและอาหารเป็นสินค้าจำเป็นในครัวเรือนมากกว่า DNUT ที่เป็นเพียงขนมหวานทานเล่นทำให้ผู้คนยังคงจับจ่ายแม้จะมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อหรือ เศรษฐกิจถดถอยก็ตาม
