บทสรุป
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น 0.2% ด้านตลาดสหรัฐฯปรับตัวขึ้นหลังตัวเลข GDP 4Q22 ของสหรัฐฯ ขยายตัว +2.7%QoQ น้อยกว่าไตรมาสก่อนและน้อยกว่าตลาดคาด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นยุโรปที่ได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มงบของบริษัทที่ออกมาดูดี อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลงเล็กน้อยสวนทางตลาดอื่น
กระแสเงินในวันที่ 22 ก.พ. 2023 1) กระแสเงินในตราสารหนี้มีแรงซื้อกลับ โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ระยะสั้นหลังจากที่ตลาดปรับความคาดหวังบนการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐไปแล้วระดับหนึ่งและเงินมีไหลออกไปก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก รวมถึงการยอมรับความเสี่ยงของนักลงทุนลดลง แต่ High Yield มีแรงขายจากความกังวลเรื่อง Credit Spread ที่เพิ่มขึ้น 2) เริ่มมีแรงขายในตลาดเอเชียและ EM แต่อยู่ในปริมาณที่น้อยทั้งนี้มองเป็นเรื่องของทิศทางค่าเงินดอลลาร์ 3) มีแรงขายในกลุ่ม Growth และเทคโนโลยีท่ามกลางความกังวลเรื่องแนวโน้มการเติบโต 4) มีแรงขายในหุ้นกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจอย่าง กลุ่มการเงิน กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและกลุ่ม Materials
Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ส่วนราคาถ่านหินในยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% และราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 3.7% ด้านค่าระวางเรือในแม่น้ำไรน์ปรับเพิ่มขึ้น 1% ขณะที่ Credit Spread ของ IG ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1bps ส่วน HY ปรับตัวลดลง 6-10bps มองว่าความเสี่ยงด้าน Credit เริ่มกลับมามีความกังวล ขณะที่ราคาหุ้นที่อิงกับการเปิดเมืองจีนยังอยู่ในช่วงของการปรับฐานและมีความผันผวนค่อนข้างในระยะสั้น แต่ยังมีมุมมองเชิงบวกกับการเปิดเมืองของจีนต่อเนื่อง
ราคาหุ้น Nvidia มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% มาอยู่ที่ US$237 หลังจากประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2022 ที่ออกมาดีกว่าที่คาด แต่อย่างไรก็ดี ราคาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จนส่งผลให้ Valuation ของ Nvidia นั้นขึ้นมาอยู่เหนือกรอบค่าเฉลี่ยในรอบวัฏจักรของหุ้น โดย P/E FY24 (ในปี 2023) อยู่ที่ 54x และใน FY25 อยู่ที่ 41x เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 32x และเมื่อเทียบกับการเติบโตราว 20% ต่อปี ทำให้เราค่อนข้างกังวลกับ Valuation ที่มองว่าค่อนข้างสูง เราเชื่อว่าผลประกอบการใน 1Q23 ที่ยังมีแนวโน้มอ่อนแอในภาพของอุตสาหกรรม รวมถึงนโยบายการเงินที่ตึงตัวจะส่งผลกับการย่อตัวของหุ้น Nvidia ซึ่งอาจจะกลับมาพิจารณาหาจังหวะซื้อใหม่ ที่ราคาแถว US$200 ซึ่งน่าจะมี Risk-reward ที่ดีกว่าในปัจจุบัน
Alibaba (9888.HK, BABA.US) เผยงบ 3Q23 ดีกว่าคาดทั้งรายได้และกำไร โดยเพิ่มขึ้น 2%YoY ที่ RMB247.7bn และ 69%YoY อยู่ที่ RMB27.7bn โดยมีแรงหนุนการลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลง ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ขณะที่รายได้ทุกภาคส่วนปรับตัวเพิ่มขึ้น เว้นแต่ E-commerce ในจีนที่ยังคงถูกกดดันจากการล็อคดาวน์ช่วงปลายปี 22 ถึงแม้เรามอง Alibaba ยังคงมีอานิงส์บวกจากการบริโภคที่เพิ่มขึ้นและ Ads ที่ฟื้นตัวหลังมีการเปิดเมือง แต่อย่างไรก็ดีมองการฟื้นตัวอาจถูกจำกัดหลังยังคงแรงกดดันจากการแข่งขันที่แนวโน้มสูงขึ้น ประกอบกับภาพมาร์จิ้นที่ยังคงถูกกดดันจากการลงทุน และ อุปสงค์ชะลอตัวลงจากภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
Hkex (388.HK) เผยกำไรใน 4Q22 ดีกว่าคาดและเพิ่มขึ้น 11%YoY หนุนจากการฟื้นตัวของราคาสินทรัพย์ทั่วโลกทำให้รายได้จากการลงทุนเพิ่มขึ้น ด้านรายได้เพิ่มขึ้น 7%YoY สู่ RMB4.77bn หนุนจาก 1) ปริมาณการทำธุรกรรมเฉลี่ยต่อวันในตลาดหุ้นที่เพิ่มขึ้นเป็น $127bn 2) ธุรกรรมในสัญญาอนุพันธ์ล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 3) รายได้จากการลงทุนเพิ่มขึ้น 52%YoY และค่าธรรมเนียมการซื้อขายเพิ่มขึ้นตามการทำธุรกรรมในตลาด เรายังคงมองบวกต่อเนื่องใน FY23 หลังมีแรงหนุนจาก 1) แนวโน้มการ IPO ที่เพิ่มขึ้น 2) ปริมาณการเทรดที่เพิ่มขึ้นหนุนจากการขยายโครงการ Stock Connect รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน 3) ได้รับการสนับสนุนจากรัฐฯฮ่องกง