บทสรุป
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง -0.5% หลังยังคงถูกกดดันจากการปิดตัวของธนาคาร SVB นอกจากนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 54.2% ที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. หลังจากที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนไม่เคยให้น้ำหนักต่อการคาดการณ์ดังกล่าว
กระแสเงินในวันที่ 10 มี.ค. 2023 1) กระแสเงินในตราสารหนี้มีแรงซื้อต่อเนื่อง โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลและบอนด์ระยะสั้น ทั้งนี้เริ่มมองว่าเป็นการยอมรับความเสี่ยงของนักลงทุนลดลงจากภาพตลาดที่ผันผวนและอาจจะคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะหยุดหรือลดดอกเบี้ย เริ่มเห็น High Yield มีแรงขายอีกครั้ง 2) ตลาดญี่ปุ่นเผชิญแรงเทขายจากภาพเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางและราคาตัวเพิ่มขึ้นมาจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี 3) กระแสเงินใน EM และโลหะมีค่าค่อนข้างผันผวนทั้งนี้เป็นผลจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์เป็นสำคัญ 4) มีแรงขายในกลุ่ม Growth มองเป็นเรื่องของผลประกอบการเป็นหลัก รวมถึงปัจจัยภายนอกที่มีความผันผวน 5) มีแรงขายในหุ้นกลุ่มการเงิน กลุ่มพลังงานและสินค้าอุตสาหกรรมจากภาพเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงมากขึ้น
Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ส่วนราคาถ่านหินในยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% และราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 6% ด้านค่าระวางเรือในแม่น้ำไรน์ปรับลดลง 10% ขณะที่เราเริ่มเห็นความกังวลมากขึ้นในตลาด Credit ในระยะสั้น CDS ปรับเพิ่มขึ้น 7%-9% DoD มองเป็นเรื่องความกังวลในกลุ่มการเงินในสหรัฐ มองภาพการแนะนำกลับมามองในกลุ่ม High Yield ในสหรัฐเมื่อ Credit Spread ปรับมาเพิ่มขึ้นเหนือ 600bps (ว่าจะมีโอกาสไปมากกว่านั้นหรือไม่) มีรายงานจากฝั่งจีนว่าจะมีการให้วีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรีจีนที่คาดหวังต่อการเติบโตและฟื้นตัวจากการเปิดเมืองของจีน บ่งชี้ว่า 1) หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ 2) หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมือง จะได้ประโยชน์
หลังจากกลุ่มธนาคารเล็กในสหรัฐเผชิญกับปัญหาสภาพคล่องทำให้หลายธนาคารต้องมีการปิดตัวลงชั่วคราวและธนาคารกลางสหรัฐเข้ามาแทรกแซง ซึ่งเรายังมองว่าเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าปัญหานั้นจบแล้ว เรายังคงค่อนข้างกังวลกับการขาดความเชื่อมั่นและการลุกลามไปยังในธนาคารอื่น รวมถึงความเสี่ยงอื่นที่จะตามมาในระยะถัดไป ดังนั้นจึงให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงกลุ่มธนาคารที่มีความเปราะบางแม้ว่าราคาจะมีการปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากแล้วก็ตาม ดังนั้นการลงทุนในช่วงเวลานี้เราจึงแนะนำในหุ้นเชิงรับ UnitedHealth, Walmart, P&G, Coca Cola, McDonald, Linde, Philip Morris
กลุ่มเทคฯจีน HSTECH +4.5% ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 วัน หลัง HKEX มีการขยายเกณฑ์การเทรดหุ้น Southbound หุ้นใน Stock Connect หนุนให้ปริมาณการเทรดจากจีนเพิ่มขึ้น ซึ่งเรายังคงมองบวกต่อการขยายกฎของ Stock Connect ต่อเนื่องและคาดว่าจะช่วยดึงดูดการทำ dual-primary ขณะนี้กลุ่มเทคฯทางฝั่งสหรัฐฯ ล่าสุด Microsoft เตรียมสร้าง Super Computer เพื่อใช้ในการสนับสนุน OpenAI ChatGPT หลังจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทต้องใช้ชิป NVDA A100 ใช้ในการประมวลผล OpenAI
ใจความสำคัญจากการแถลงของนายกรัฐมนตรีจีน Li Qiang มีใจความสำคัญดังนี้ 1) สนับสนุนนโยบายและการเติบโตของเศรษฐกิจ การจ้างงานและความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีน 2) มีแผนการสนับสนุนองค์กรเอกชน 3) พูดถึงเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้น ได้แก่ แผนการปฏิรูปสถาบันพรรคและการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมใน 2M23 นอกจากนี้ทางการจีนจะมีการออกวีซ่าท่องเที่ยวประเภทต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ และอนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่มีวีซ่าเดินทางเข้าประเทศจีนได้อีกครั้ง ทำให้เรายังคงมองบวกต่อหุ้นจีนต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม Domestic Consumption และ Reopening ที่มีแรงหนุนจากนโยบายและการสนับสนุของภาครัฐฯ ประกอบกับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในจีนหลังมีการเปิดเมืองอย่างเป็นทางการ โดยเราชอบ Trip.com, Anta Sport, Yili, Mengniu, JD Health, Sasa, Moutai, Chow Tai Fook