- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น 0.3% หนุนจากตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ หลังธนาคารโลกปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของ GDP โลกในปี 2023 จาก 1.7% เป็น 2.1% แต่ปรับลดประมาณการลงจาก 2.7% เป็น 2.4% ในปี 2024 โดยให้เหตุผลถึงนโยบายการเงินที่ตึงตัวจะส่งผลกับการใช้จ่าย การฟื้นตัวที่ช้าของเศรษฐกิจจีนและภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งมองว่าความเสี่ยงของแนวโน้มการเติบโตออกไปในทิศทางที่มีความเสี่ยงมากขึ้น
-
- กระแสเงินในวันที่ 5 มิ.ย. 2023 1) ลักษณะของเงินมีภาพการเก็งกำไรมากขึ้นตามตลาดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนเข้าข่ายเป็น Bull market โดยมีแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก ในขณะที่มีแรงขายในโลหะมีค่า 2) มีแรงซื้อในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้มองว่าเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดและปัจจัยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงที่มีความเสี่ยงมากขึ้น 3) มีแรงขายในตลาดเอเชียและจีนทั้งนี้เป็นผลจากเศรษฐกิจจีนที่ช้ากว่าที่คาด 4) มีแรงขายทำกำไรในกลุ่มเทคโนโลยีโดยเฉพาะในธีม Semiconductor ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง 5) กระแสเงินในรายกลุ่มอุตสาหกรรมค่อนข้างเบาบางและมีความผันผวนทั้งนี้สืบเนื่องจากแรงเก็งกำไรเป็นสำคัญ
-
- Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ด้านราคาถ่านหินในยุโรปลดลง 6.1% ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 13.7% ส่วนค่าระวางเรือในแม่น้ำไรน์ทรงตัว ขณะที่ Credit Spread ของ IG ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 1bps ส่วน HY ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1bps นอกนั้นกลุ่ม Reopening ในจีน ปรับตัวลดลง 0.8% ทั้งนี้ตลาดยังคงรอคอยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีน กลุ่มร้านอาหารและการท่องเที่ยวปรับตัวลดลง 1-2% มีเพียงกลุ่มเสื้อผ้าและสุราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1-0.5%
-
- ธนาคารโลกปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของ GDP โลกในปี 2023 จาก 1.7% เป็น 2.1% แต่ปรับลดประมาณการลงจาก 2.7% เป็น 2.4% ในปี 2024 โดยให้เหตุผลถึงนโยบายการเงินที่ตึงตัวจะส่งผลกับการใช้จ่าย การฟื้นตัวที่ช้าของเศรษฐกิจจีนและภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งมองว่าความเสี่ยงของแนวโน้มการเติบโตออกไปในทิศทางที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ดังนั้นการลงทุนในช่วงเวลานี้ยังเป็นการเน้นไปที่หุ้นเชิงรับที่มีอำนาจในการกำหนดราคาสูงอย่าง KO, PG, WMT, MCD, UNH
- ราคาหุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีในช่วงหลังจาก 2 ประเด็น 1) รมว.ต่างประเทศสหรัฐมีแผนจะไปเยือนจีนซึ่งอาจจะช่วยลดความร้อนแรงของความขัดแย้งของสองประเทศได้ และ 2) ความคาดหวังต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน นอกจากนั้นการทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนนั้นจะทำให้ช่วงเดือน มิ.ย. จะทำมากที่สุดในเดือน ธ.ค. ตามด้วยเดือน มิ.ย. ดังนั้นเราจึงมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ตลาดจะตอบสนองเชิงบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนในระยะสั้น เราชอบ Yili, Trip.com, Baidu
-
- TSM +1.8% ถึงแม้จะปรับลดแนวโน้ม CAPEX ใน FY23 ลงหลัง 1) ความต้องการในส่วนของกลุ่มสินค้าหลักอย่างสมาร์ทโฟนและชิปคอมฯยังคงซบเซา 2) การฟื้นตัวของจีนที่ช้ากว่าที่คาดและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังคงหดตัว นอกนั้นยืนยันประมาณการรายได้ใน 1H23 จะลดลงประมาณ 10%YoY อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงคาดว่ารายได้ FY23 ทั้งปีจะอยู่ที่ระดับตัวเลขต่ำถึงกลางหรือราว 1%-5% ซึ่งใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด ซึ่งสามารถสะท้อนได้ว่าในช่วง 2H23 การเติบโตของรายได้จะค่อนข้าง Flat รวมถึงค่อนข้างมั่นใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวในช่วง FY24 นอกจากนี้บริษัทกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงสินค้าคงคลัง และเห็นได้ว่าลูกค้ากำลังลดสินค้าคงคลังลง ทั้งนี้บริษัทยังคงเห็นการฟื้นตัวในตลาดปลายทางบางแห่ง
|
