- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงหลังจากมีภาพการขายทำกำไรเนื่องจากในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาตลาดมีการปรับตัวขึ้นแรง นอกจากนี้ตลาดยังมีแรงกดดันจากความกังวลของอุปสงค์ที่ซบเซาทั่วโลก ทั้งนี้เตรียมติดตาม Fed Chair Powell Testimony จะพูดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการเงินในรอบครึ่งปีต่อหน้าสภาคองเกรสในช่วงคืนนี้
-
- กระแสเงินในวันที่ 19 มิ.ย. 2023 1) ตลาดเริ่มกลับมาขายทำกำไรหลังจากราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นไม่สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยเห็นแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดเล็กและหุ้นธีม Growth 2) เริ่มมีเงินไหลเข้าตราสารหนี้ โดยมีแรงซื้อในตราสารหนี้คุณภาพดีปริมาณมาก รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล ในขณะที่ตราสารหนี้ป้องกันเงินเฟ้อและ High Yield ยังมีเงินไหลออก คาดว่าน่าจะเป็นผลจากการขึ้นดอกเบี้ยที่มากกว่าที่คาดจะทำให้เกิดความเสี่ยงกับความสามารถในการชำระหนี้ 3) มีแรงขายในตลาดหุ้น EM และยุโรปจาก ศก จีนที่อ่อนแอกว่าที่คาด 4) กระแสเงินในรายกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นการซื้อหุ้นกลุ่มการเงินที่มีภาพ Laggard ในขณะที่กลุ่มพลังงานมีเงินไหลออกอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มเทคโนโลยีมีแรงขายทำกำไรหลังปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง โดยเฉพาะในกลุ่ม Semiconductor
-
- Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ด้านราคาถ่านหินในยุโรปเพิ่มขึ้น 4% ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 4.3% ส่วนค่าระวางเรือในแม่น้ำไรน์ทรงตัว ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยของกลุ่ม IG ทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 2bps ส่วนตราสาร HY ปรับเพิ่มขึ้น 13bps ด้าน Reopening ในจีน ปรับตัวลง 0.8% หลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนรอบใหม่ไม่ชัดเจน ซึ่งทำให้กลุ่มเสื้อผ้าหดตัวลง -2.6% และร้านอาหารลดลง -5.8% ในขณะที่กลุ่มอื่นปรับตัวลงราว 0.5%-1%
-
- ตัวเลขการส่งออก 20 วันแรกของเดือน มิ.ย. ของเกาหลีใต้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.4% MoM และ 5.3% YoY ซึ่งสูงสุดในรอบปี แม้ว่าจะมีการปรับเรื่องวันทำงานการส่งออกเกาหลีลดลง 1.9% MoM และ 2% YoY ทำให้มองว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มจะเห็นสัญญาณของการฟื้นตัวในระดับหนึ่งแต่ในภาพรวมยังอ่อนแอแต่จะให้เห็นเป็นภาพบวกและมั่นคงต้องรอให้รอบของการระบายสินค้าจบซึ่งคาดว่าจะเป็นในช่วงปลาย 3Q23 จึงจะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนกว่านี้ ดังนั้นเรายังมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวมยังเปราะบางและอ่อนแอในช่วง 2Q-3Q ก่อนจะดีขึ้นใน 4Q23 การลงทุนในช่วงเวลานี้อาจจะมองที่หุ้นกลุ่มเชิงรับ (WMT PG KO MCD) และเลือกลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี (ADBE, MSFT, SAP., ASML., TSMC, Baidu)
-
- Nike ราคาหุ้นปรับตัวลง 3% ในช่วงวานนี้หลังถูกปรับลดประมาณการณ์งบในช่วง 4Q23 ลงหลังมีความกังวลเรื่องสินค้าคงคลังที่อาจมากกว่าคาด โดยสังเกตได้จากร้านขายรองเท้า Foot Locker ที่มียอดขายมาจาก NKE กว่า 70% ของทั้งหมดได้มีการปรับลดยอดขายทั้งปีลงเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้ตลาดกังวลมากขึ้นว่าการขายที่ชะลอตัวลงของ Foot Locker อาจนำไปสู่การค้างของรองเท้า Nike ที่ร้านค้า ในที่สุด นั่นอาจนำไปสู่ยอดขายขายส่งที่น้อยลงสำหรับ Nike และกดดันต่ออัตรากำไร
-
- FedEx (FDX) เผยงบ F4Q23 โดยรายได้ต่ำกว่าคาดและหดตัว 4%YoY ส่วนกำไรดีกว่าคาดแต่หดตัว 30%YoY หลังปริมาณการขนส่งที่หดตัวลงหลังอุปสงค์บรรจุภัณฑ์ยังอ่อนแอ โดยใน Express ลดลง 7%YoY Ground ลดลง 6%YoY ที่ถึงแม้บริษัทจะพยายามลดค่าใช้จ่ายและใช้แผนการลดต้นทุนราว $4bn ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อการหนุนงบหรือเยียวยาแรงกดดันจากอุปสงค์อ่อนแอได้ ขณะที่เรามองงบใน FY24 ยังคงมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป การ Destocking และการกลับมาใช้ขนส่งทางเรือที่มีมาร์จิ้นน้อยกว่าทางอากาศ เราจึงแนะหลีกเลี่ยง
|