INVX Global Morning Routine - 22 พ.ค. 2566

บทสรุปสำหรับสัปดาห์  (15 - 19 พ.ค.)

• ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% จากพัฒนาการเชิงบวกในการเจรจาขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ไม่ได้แย่กว่าที่คาดรวมถึงความคาดหวังเชิงบวกของการฟื้นตัวของกลุ่มเทคโนโลยีใน 2H23 แต่อย่างไรก็ดีตลาดในฝั่ง EM และเอเชียได้รับแรงกดดันจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ช้ากว่าที่คาดการณ์
•  
• ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดเงินนั้นออก มีกระแสเงินไหลเข้า US$25bn เร่งตัวขึ้นจาก US$14bn ในสัปดาห์ก่อนหน้า ยังเห็นความกลัวและกังวลของนักลงทุน ส่วนในตลาดหุ้นเป็นเงินไหลออก โดยมีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเป็นสำคัญ ในขณะที่ตลาดหุ้นอื่นอย่างจีนและตลาด EM ไม่รวมตลาดจีนมีเงินไหลเข้า
•  
• ในสัปดาห์นี้ติดตาม 1) การเจรจาเพดานหนี้ของทางการสหรัฐฯ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ตัวเลข GDP 1Q23 ที่ตลาดคาดขยายตัว, ดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคลที่คาดชะลอตัวลงจากเดือน มี.ค. 2) รายงานการประชุม  FOMC ช่วงต้นเดือนพ.ค. 3) การประชุมของธนาคารกลางยุโรป “ECB Non-Monetary Policy Meeting” 4) ตัวเลขเศรษฐกิจยุโรป เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ ตัวเลข PMI 5) ตัวเลขเศรษฐกิจทางฝั่งเอเชีย เช่น CPI ฮ่องกงและเวียดนาม รวมไปถึงตัวเลขการผลิตภาคอุตฯในเวียดนาม 6) ผลประกอบการ Agilent Technologies, Costco Wholesale, Dollar Tree, Intuit, Kuaishou Technology, Lowe’s, Marvell Technology, Meituan, NetEase, Nvidia, Snowflake, SSE, Sun Pharmaceutical, Workday, Xiaomi
•  
• ภาพรวม – ตลาดตอบสนองเชิงบวกต่อพัฒนาการของการเจรจาขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่ง แต่ตลาดก็ยังได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มที่ชะลอตัวลงในจีนและความคาดหวังว่านโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐยังตึงตัวต่อเนื่อง หากมองในเชิงผลประกอบการจะเป็นในทิศทางที่จะมีการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ใน 2Q23 และ 2H23
•  
• กลยุทธ์ – สัปดาห์นี้ (22-26 พ.ค.) หากว่า 1) การเจรจาเพดาหนี้ไม่สามารถหาข้อยุติได้ 2) ไม่มีสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากธนาคารกลางจีน 3) ยอดคำสั่งซื้อไต้หวันอ่อนแอ 4) กิจกรรมภาคการผลิตในยุโรปชะลอตัวลง จะทำให้ตลาดปรับตัวลดลงแรงได้ ซึ่งเรามองว่าตลาดมีโอกาสในการปรับตัวลดลงมากกว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นเพราะภาพรวมทั้ง Macro และ Micro ค่อนข้างอ่อนแอ
•  
• หุ้นแนะนำ – เราเน้นไปที่หุ้นที่มีความผันผวนต่ำที่อยู่ในกลุ่มเชิงรับและคาดว่าจะมีแนวโน้มผลประกอบการดีอย่าง Costco Wholesale รวมถึงบริษัทที่อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีที่คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีอย่าง Palo Alto Networks