- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 0.1% ด้านตลาดสหรัฐฯปรับตัวลงหลังมีแรงกดดันจากการแถลงของ Jerome Powell ต่อหน้าสภาคองเกรสในวันที่ 2 ยังคงเน้นย้ำทิศทางที่ Fed จะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่จะดำเนินการอย่างระมัดระวังเพิ่มขึ้น ด้านธนาคารกลางอังกฤษมีทิศทางปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าที่ตลาดคาด กดดันต่อตลาดยุโรป
-
- กระแสเงินในวันที่ 21 มิ.ย. 2023 1) ตลาดเริ่มกลับมาขายทำกำไรหลังจากราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นไม่สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยเห็นแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดเล็กและหุ้นธีม Growth ต่อเนื่อง นักลงทุนกลับมาเน้นที่กลุ่ม Value ที่มองว่า Valuation ต่ำช่วยลดความผันผวนของตลาดได้ 2) เริ่มมีเงินไหลออกจากตราสารหนี้ ทั้งนี้เป็นผลจากท่าทีของธนาคารกลางที่จะ
- ยังขึ้นดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้ง ส่วนตราสารหนี้ระยะยาวยังมีแรงซื้อจากภาพเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง 3) มีแรงซื้อในตลาดหุ้นญี่ปุ่นทั้งนี้มองเป็นประเด็นเรื่องสภาพคล่องและค่าเงินเยนที่อ่อนค่า 4) กระแสเงินในรายกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นการซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีข่าวบวกอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่ม Consumer Discretionary มีแรงขายตามภาพกำลังซื้อของผู้บริโภคที่น้อยลง
-
- Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ด้านราคาถ่านหินในยุโรปเพิ่มขึ้น 0.2% ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 8.2% ส่วนค่าระวางเรือในแม่น้ำไรน์ทรงตัว ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยของกลุ่ม IG ทั่วโลกปรับตัวลดลง 2bps ส่วนตราสาร HY ปรับลดลง 4bps ด้านตลาดหุ้นจีนปิดทำการ แต่ล่าสุดภาพรวมยังคงผันผวน
-
- หลังจากที่ธนาคารกลางทั้งในสหรัฐและอังกฤษมีการส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวกว่าที่คาดการณ์ โดยประธานธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยว่าจะยังมีแนวโน้มในการขึ้นดอกเบี้ย 1-2 ครั้งเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย 2% ในขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นดอกเบี้ย 50bps มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 25bps ในขณะที่เงินเฟ้อมีการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รูปแบบของเส้นผลตอบแทนพันธบัตร 2 ปีและ 10 ปี เกิด Inverted Yield Curve มากขึ้นทั้งในสหรัฐและยุโรป ด้านการจ้างงานของสหรัฐเริ่มมีสัญญาณการชะลอตัวลงแล้วในระดับหนึ่งและภาคการผลิตทั่วโลกเริ่มกลับมหดตัวอีกครั้งหลังจากจีนเปิดเมืองซึ่งมองว่าจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ทำให้ภาพเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงและความผันผวน การลงทุนในช่วงเวลานี้อาจจะมองที่หุ้นกลุ่มเชิงรับ (WMT PG KO MCD) และเลือกลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี (ADBE, MSFT, SAP., ASML., TSMC, Baidu)
-
- Accenture เผยงบดีกว่าคาดใน F3Q23 โดยรายได้ดีกว่าคาดและเพิ่มขึ้น 2.5%YoY ด้านกำไรดีกว่าคาดและเพิ่มขึ้น 14.3%YoY โดยมีแรงหนุนจากบริการทางการเงินและสุขภาพที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 2%YoY และ 12%YoY ตามลำดับ อย่างไรก็ดี รายได้ในกลุ่มหลักๆยังคงหดตัว โดย The Communications, Media & Technology -11%YoY นอกจากนี้บริษัทคาดการณ์รายได้ใน F4Q23 จะอยู่ที่ราว $15.7bn-$16.3bn ซึ่งในระดับล่างน้อยกว่าที่ตลาดคาดแต่ค่อนข้าง In line กับระดับบนว่าอยู่ที่ $16.35bn
-
- งบที่ออกมาสะท้อนได้ว่าค่าใช้จ่ายในส่วน IT ยังคงซบเซาซึ่งเรามองว่าเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ รวมไปถึงการ Destocking ที่ยังคงกดดันการใช้จ่ายด้าน IT ของลูกค้าองค์กรต่างๆ อย่างไรก็ดียังคงเชื่อในทิศทางการฟื้นตัวว่าจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และเป็นแบบ U Shape มากว่า V Shape นอกจากนี้หากรอบการระบายสินค้าเริ่มจบ เรามองว่าการฟื้นตัวของ IT จะเห็นได้ชัดและดีขึ้นมากกว่าตอนนี้
|