บทสรุป
- ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% เนื่องจากตัวเลขผลประกอบการสหรัฐออกมาดีกว่าที่คาดและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้แย่อย่างที่ตลาดกังวล ในขณะที่ตลาด EM ได้รับแรงกดดันจากความกังวลในการผิดนัดชำระหนี้ของจีนและมาตรการกระตุ้นที่ตลาดมองว่าน้อยเกินไปในการสนับสนุนการเติบโต
-
- ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดเงินนั้นมีกระแสเงินไหลออก ส่วนกระแสเงินในตลาดหุ้นมีภาพไหลออกแต่ค่อนข้างผันผวนมองเป็นลักษณะเก็งกำไรเป็นหลัก โดยมีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นยุโรปเป็นสำคัญ รวมถึงตลาดเกาหลีใต้และไต้หวัน ในขณะที่ตลาดหุ้นอื่นอย่างญี่ปุ่น จีนและตลาดอินเดียมีเงินไหลเข้า ขณะที่กลุ่มที่มีเงินไหลเข้ามากได้แก่กลุ่มเทคโนโลยีมีเงินไหลเข้ายังสะท้อนว่ามีแรงเก็งกำไรเป็นระยะ กลุ่มการเงินมีเงินไหลเข้าจากภาพผลประกอบการ กลุ่มพลังงานมีเงินไหลเข้าครั้งแรกในรอบ 15 เดือน
-
- สัปดาห์นี้ติดตาม 1) การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่ง โดยสหรัฐฯและยุโรปที่ตลาดคาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps ด้านญี่ปุ่นคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ -0.1% 2) ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดย PMI GDP Core PCE และยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ตลาดมองอ่อนแอลง 3) ตัวเลข PMI ของยุโรปในภาคการผลิตและการบริการที่ตลาดมองชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย. 4) กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ตลาดมองฟื้นตัวขึ้นจากเดือนก่อนและชะลอการหดตัวลง 5) ผลประกอบการของ 3M, Airbus, Chipotle Mexican Grill, CME Group, Coca-Cola, Ford Motor, General Electric, Hermes International, Hershey, Hilton Worldwide, LVMH , Mastercard, McDonald’s, Mercedes-Benz Group , Meta Platforms, Microsoft, Moody’s, MSCI, Nestle, P&, S&P Global, Samsung Electronics, Texas Instruments, TotalEnergies, Unilever
-
- ภาพรวม – ตลาดเริ่มกลับมาตอบสนองในภาพแนวโน้มการเติบโตของบริษัทเป็นสำคัญมากกว่าตัวแปรเศรษฐกิจมหภาค นอกจากนั้นในฝั่งของเอเชียได้รับแรงกดดันจากประเด็นความเสี่ยงของจีนทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่น้อยกว่าที่คาดและการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทในจีน นอกจากนั้นไปสะท้อนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะโลหะภาคอุตสาหกรรม ประเด็นรัสเซียและยูเครนก็ยังเป็นความเสี่ยงที่ยังสร้างแรงกังวลให้กับแนวโน้มเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงช้า
-
- กลยุทธ์ – สัปดาห์นี้ (24-28 ก.ค.) มองว่า 1) ธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายแต่อาจจะมีท่าทีตึงตัวต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ ECB 2) ตัวเลขเศรษฐกิจในยุโรปชะลอตัวลง 3) ผลประกอบการของสหรัฐที่ออกมาดีกว่าที่คาดแต่แนวโน้มไม่ค่อยชัดเจน ทำให้การลงทุนในสัปดาห์หน้ายังค่อนข้างผันผวนในทิศทางลบ
-
- หุ้นแนะนำ – เราแนะนำหุ้นคุณภาพดีหุ้นและมีแนวโน้มของผลประกอบการดีและมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่าง McDonald และ P&G
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม Global morning routine_230724_T