- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นหลังภาพรวมผลประกอบการที่ออกมาค่อนข้างดีกว่าที่ตลาดคาด แต่อย่างไรก็ดีเรายังเห็นความเปราะบางในบางบริษัทหลังนักลงทุนค่อนข้างคาดหวังอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ AI อย่างเช่นใน MSFT ซึ่งเมื่อรายได้ในส่วนคลาวด์ออกมาโตชะลอตัวและผิดไปจากที่ตลาดคาด ทำให้ราคาหุ้นจึงตอบสนองออกมาในทิศทางลบและปรับตัวลง
-
- กระแสเงินในวันที่ 24 ก.ค. 2023 1) เริ่มมีแรงซื้อกลับในตราสารหนี้ค่อนข้างมากแต่เป็นการซื้อในตราสารหนี้คุณภาพดีและพันธบัตรรัฐบาล และเป็นการซื้อในตราสารหนี้ระยะยาวมากกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น นอกจากนั้นขาย High Yield แต่ปริมาณน้อยและเป็นแรงเก็งกำไรมากกว่า 2) มีแรงขายในกลุ่มเทคโนโลยีจากความกังวลต่อผลประกอบการและผลกระทบจากการ Rebalance น้ำหนักใน Nasdaq 100 ซึ่งสอดคล้องกับหุ้นธีม Growth ที่มีแรงขาย 3) มีแรงซื้อในกลุ่มการเงินจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่ได้แย่อย่างที่ตลาดคาดการณ์ 4) มีแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นจีนและ EM หลังราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากท่าทีของรัฐบาลจีนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
-
- Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ด้านราคาถ่านหินในยุโรปเพิ่มขึ้น 5.5% ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 8.7% ส่วนต่างดอกเบี้ยของกลุ่ม IG ทั่วโลกปรับตัวลดลง 1bps ส่วนตราสาร HY ปรับเพิ่มขึ้น 1bps ขณะที่ตลาดหุ้นจีนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Reopening ในจีนยังค่อนข้างผันผวน โดยล่าสุดปรับเพิ่มขึ้น 2.9% จากความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลจีน กลุ่มเสื้อผ้ากีฬาและร้านอาหารปรับเพิ่มขึ้น 4.1%-4.4%
-
- MSFT -3.7% ถึงแม้จะเผยงบ 4Q23 ดีกว่าคาด โดยรายได้เพิ่มขึ้น 8%YoY และกำไรเพิ่มขึ้น 20%YoY อย่างไรก็ดีดูเหมือนตลาดจะค่อนข้างตอบสนองในทิศทางลบซึ่งเรามองว่าเป็นผลมาจากในช่วงก่อนที่ตลาดค่อนข้างคาดหวังอย่างมากต่อการเติบโตในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง AI โดยเฉพาะ Cloud แต่ภาพที่ออกมานั้นผิดไปจากที่ตลาดคาดจึงทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลง โดย 1) ยอดขายใน Azure และคาดการณ์ที่โตชะลอตัวลงจาก 2) รายได้ในกลุ่ม More Personal Computing ที่สะท้อนได้ชัดว่าอุตฯที่เกี่ยวข้องกับ PC ยังคงมีแรงกดดันและฟื้นตัวไม่เต็มที่ อย่างไรก็ดีเรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงหลังผลประกอบการออกถือเป็นโอกาสในการทยอยสะสม เพื่อคาดหวังต่อภาพการรับรู้รายได้ AI และในกลุ่มธุรกิจใหม่ รวมถึงตำแหน่งที่ยังได้รับประโยชน์จาก AI ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
-
- ในทางตรงกันข้าม GOOGL +5.7% หลังเผยงบ 2Q23 ดีกว่าคาด โดยรายได้เพิ่มขึ้น 7%YoY และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.4 เพิ่มขึ้นจากระดับ $1.2 ในปีก่อน หนุนจาก 1) รายได้ Youtube Ads ที่ออกมาโต 4.4%YoY ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่ดีที่สุดหลังถูก Disrupt จากธุรกิจวิดีโอสั้นอย่าง TikTok 2) กลุ่ม Search engine ที่ถึงแม้จะมีแรงกดดันจาก Bing ที่มีการแข่งขันเพิ่มเติมจาก AI แต่อย่างไรก็ดีรายได้ในส่วนนี้ของบริษัทยังคงโต 4.7%YoY ดี 3) กลุ่มธุรกิจคลาวด์ที่กลับมามีกำไรหลังจากขาดทุนในช่วงปีก่อน ระยะสั้นเรามองว่ายังคงสามารถเก็งกำไรได้ แต่ระยะยาวเรามองว่าความสามารถทางการแข่งขันยังคงตามหลัง PEER ทั้งในกลุ่มคลาวด์และกลุ่ม Search Engine
-
- ผลประกอบการของ LVMH และ Visa ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์และบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งในภาพรวม แต่ด้วยราคาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปก่อนหน้านี้ทำให้ตลาดกลับมามองที่ตัวเลขที่บ่งชี้ถึงสัญญาณของกำลังซื้อ นอกนั้นมองจากภาพรวมงบแล้วพบว่าการฟื้นตัวของจีนทำให้ภาพรวมของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Reopening ดีขึ้นอย่างชัดเจนในขณะที่กำลังซื้อของสหรัฐลดลง ทำให้การลงทุนในจีนเน้นไปที่หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองอย่าง Sands China, Trip.com ในขณะที่สหรัฐเน้นไปที่กลุ่ม Consumer Staples และ Consumer Services อย่าง WMT, PG, MCD, KO, PEP
|
