บทสรุป |
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นหลังได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อผลประกอบการกลุ่มเทคฯใหญ่อย่าง MSFT GOOGL AAPL META AMZN ขณะที่ตลาดจีนปรับตัวลงสวนทางหลังมีแรงกดดันจากการที่ศาลฮ่องกงสั่งบริษัทอสังฯใหญ่ Evergrande ยกเลิกกิจการหลังแผนฟื้นฟูธุรกิจจากการล้มละลายไม่คืบหน้า กระแสเงินในวันที่ 26 ม.ค. 2024 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน ทั้งนี้อยู่ในช่วงปรับลดความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐว่าอาจจะช้ากว่าที่คาด ซึ่งทำให้มีแรงขายสลับซื้อตาม Yield ที่ไม่มีเทรนด์ในระยะสั้น 2) มีแรงซื้อกลับในตลาดหุ้น EM และตลาดหุ้นจีน บนความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนตลาดทุนของจีนและการฟื้นตัวในประเทศกลุ่ม EM 3) แรงซื้อในกลุ่มการเงินตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีกว่าที่คาด 4) มีแรงซื้อในตลาดหุ้นญี่ปุ่นตามความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ที่ไปองกับการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ 5) หุ้นขนาดเล็กมีแรงขายจากความเปราะบางในการฟื้นตัวและได้รับผลกระทบจากภาวะดอกเบี้ยสูง 6) โลหะมีค่ามีแรงขายมองว่าเป็นเรื่องของแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ BYD เผยตัวเลข Prelim ของผลประกอบการใน 4Q23 โดยกำไรเพิ่มขึ้นราว 74.5-86.5%YoY หนุนจากยอดขายในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นดีและการควบคุมต้นทุน อย่างไรก็ดีระดับดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าตลาดคาด ขณะที่การเติบโตของยอดขายนั้นมีแรงหนุนหลักจากกลุ่มรถยนต์โมเดลราคาถูก หลังรถยนต์โมเดลราคาระดับกลางมีแรงกดดันจากการแข่งขันที่สูง ผลประกอบการของ SoFi’s Technologies ออกมาดีกว่าที่คาด โดยมีกำไรเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท แต่อย่างไรก็ดี Volume ของ Student loan และ Personal และ Home Lending ลดลง 16% แม้ว่าจำนวนสมาชิกที่อยู่ใน Platform เพิ่มขึ้น 8% ขณะที่ผู้บริหารคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 20-25% ต่อปีในช่วง 2023-2026 เรามองว่าการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Fintech มีความเสี่ยงสูงกว่าในกลุ่มการเงินและกลุ่มธนาคารแต่อัตราการเติบโตที่สูงกว่า แต่สุดท้ายกลุ่มการเงินในภาพรวมก็จะไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจในระยะยาว เพียงแค่ในระยะสั้นอาจจะเป็นเพราะดอกเบี้ยที่สูงทำให้การจัดการธุรกิจและการ Refinance อาจจะมีเยอะกว่าระดับปกติทำให้มีรายได้เติบโตได้ดี |
ท่าน สามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Global morning routine_240130_T |