Keyword
Special Report - Thai Stocks

INVX กลยุทธ์การลงทุน – ปรับเกณฑ์ T-ESG กับผลกระทบตลาดหุ้นไทย

25 Jun 24 9:00 AM
investment-strategy-RS

บทสรุป...แม้ไม่ใช่ LTF แต่ปรับ T-ESG ให้น่าดึงดูดใจกว่าเดิม

 

 

กระทรวงการคลัง – กลต. ตลท. ร่วมแถลงมาตรการสร้างความเชื่อมั่นแก่ตลาดทุน โดยจะปรับเงื่อนไขกองทุน Thai-ESG เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการดังกล่าว เงื่อนไขที่เปลี่ยนไป ได้แก่

 

1) เพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีเป็นไม่เกิน 3 แสนบาท จากเดิม 1 แสนบาท

2) ลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี (ระยะเวลาลดลงจากเกณฑ์เดิมในปี 2566 ที่ 8 ปี) โดยให้มีผล 3 ปี ระหว่าง 2567-2569

 

มองเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย เราคัดเลือกหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี valuations ไม่แพง มี ESG ระดับ A-AAA นอกจากนั้นยังเน้นหุ้นที่มีปริมาณ short sell outstanding สูงกว่า 1% ตามมุมมองผลบวกจากการ cover short จะมี 5 หุ้นได้แก่ BEM BBL MINT TOP SCGP

 

แม้ไม่ใช่ LTF แต่เงื่อนไขใกล้เคียง LTF โดยจะเป็นส่วนลดหย่อนภาษีที่แยกออกมาจาก RMF ซึ่งมองเป็นจุดสำคัญที่จะหนุนเม็ดเงินเข้ามาอย่างแท้จริง โดยสามารถลดหย่อนภาษีไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 300,000 บาท

 

ในแง่ระยะเวลาถือครอง 5 ปี นับจากวันที่ซื้อ (ใกล้ LTF เดิม) ลดจาก Thai-ESG เดิมในปี 2566 ที่ 8 ปี

 

นโยบายการลงทุน มากกว่า 80% จากเดิมต้องลงทุนในหุ้นใน SET/mai ที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (E) โดยให้เน้น E และ G เพิ่ม

อ้างอิงบทวิเคราะห์ “การกลับมาของ LTF กับผลกระทบตลาดหุ้นไทย” วันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา เรากรองหุ้น 17 ตัว (สไลด์หน้าที่ 5) ที่มีพื้นฐานดี valuations ไม่แพง และใช้เกณฑ์บริษัทที่มี ESG Rating ระดับ A-AAA อยู่แล้ว เมื่อเพิ่มเงื่อนไขการเลือกหุ้นที่มี โอกาสถูก Cover shot จะมี 5 หุ้น ที่น่าสนใจ ได้แก่ BEM BBL MINT TOP SCGP

 

หากใช้สมมติฐานค่าเฉลี่ยฐานภาษีของผู้ซื้อ LTF อยู่ที่ 20% Downside ของ SET จะอยู่ที่ 1,100 จุด ซึ่งต่ำเพียงพอเทียบกับปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยที่เราประเมินเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1,500 จุด เป็นอีกมุมมองว่า LTF ที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย ยังน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มีความต้องการได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี

 

 คำถาม Thai-ESG พลาดเป้าในปีที่ผ่านมา แปลว่าไม่น่าสนใจใช่หรือไม่ คำตอบ เป็นไปได้เนื่องจากผลตอบแทนของ SET ที่ไม่เด่น และภาพเชิงลบในช่วงปีท้ายๆ ของ LTF แต่สาเหตุหนึ่งที่พลาดเป้า อาจเป็นเพราะในปี 2023 เวลาซื้อได้ ไม่ถึง 1 เดือน

 

คำถามต่อมา ถ้าซื้อได้เต็มปีจะมีเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้นหรือไม่ คำตอบ แน่นอน เพราะในช่วง 4M24 มีเงินไหนเข้า T-ESG รวม 1.6 พันล้านบาท หากเทียบเต็มปีจะอยู่ที่ราว 5 พันล้านบาท แต่ตามปกติเงินไหลเข้ามักเกิดในช่วงปลายปี ทำให้ FY เม็ดเงิน ไหลเข้าน่าจะเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นระยะเวลาถือครองที่ลดเหลือ 5 ปีจาก 8 ปี ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยความน่าสนใจของกองทุน T-ESG ได้รับความสนใจกว่าในปีที่ผ่านมา

 

จากการศึกษาผลของกองทุน LTF ในอดีต พบว่าการเพิ่มขึ้นของAUM ของกองทุน LTF มีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าซื้อขายของตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง จนสูงสุดในปี 2020 ในช่วงที่มีกองทุน LTF SET Index ให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับประมาณ 5-6% ต่อปี (หรือ 70-90 จุด)

 

อย่างไรก็ตามบนเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น ผลบวกต่อตลาดอาจน้อยกว่าในอดีต เนื่องจากวงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดลดจาก 5 แสน เหลือ 3 แสนบาท และ กองทุน Thai-ESG มีโอกาสลงทุนในตราสารหนี้ (ซึ่งต้องติดตามความชัดเจนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงให้เน้นลงทุนในหุ้นเพิ่มหรือไม่) ทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นลดลง นอกจากนั้นผู้ลงทุนปัจจุบันมีทางเลือกการลงทุนในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ประเมินผลบวกต่อตลาดเบื้องต้น ~3% (หรือ 40 จุด)

 

ท่าน สามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก การเปลี่ยนเงื่อนไข T-ESG กับผลกระทบตลาดหุ้นไทย_240625_T
 
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5