เราคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q66 จะเติบโต YoY สำหรับทุกธนาคาร ยกเว้น KKP และจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ สำหรับทุกธนาคาร ยกเว้น BBL และ SCB (เพิ่มขึ้น) และ KBANK (ลดลง) ทั้งนี้เมื่อเทียบ QoQ เราคาดว่า credit cost จะเพิ่มขึ้น NIM จะทำจุดสูงสุด สินเชื่อจะเติบโตต่ำ รายได้ค่าธรรมเนียมจะดีขึ้น และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะสูงขึ้น เราคาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารจะเติบโตในอัตราชะลอตัวลงจาก 21% ใaนปี 2566 สู่ 8% ในปี 2567 โดยมีสาเหตุมาจาก NIM ที่ขยายตัวน้อยลง เรายังคงเลือก BBL และ KTB เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร โดยได้รับการสนับสนุนจาก valuation ที่น่าสนใจ และความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ พรีวิว 4Q66: คาดส่วนใหญ่กำไรเพิ่มขึ้น YoY, ทรงตัว QoQ ใน 4Q66 เราคาดกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 45% YoY (NIM ดีขึ้น) และทรงตัว QoQ (NIM ที่ดีขึ้นจะถูกหักล้างโดย opex ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล) ทั้งนี้เมื่อเทียบ QoQ เราคาดว่า BBL และ SCB จะรายงานกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น QoQ (ECL ลดลง) โดย KBANK จะเป็นธนาคารเพียงแห่งเดียวที่รายงานกำไรสุทธิลดลง QoQ โดยมีสาเหตุมาจาก ECL ที่เพิ่มขึ้น และ opex ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล เราคาดว่าธนาคารส่วนใหญ่จะรายงานกำไรสุทธิที่ฟื้นตัวดีขึ้น YoY (ยกเว้น KKP เนื่องจากขาดทุนรถยึดเพิ่มขึ้น) โดยได้รับการสนับสนุนจาก NIM ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รายการที่สำคัญใน 4Q66: 1) credit cost: เราคาดว่าธนาคารทุกแห่ง ยกเว้น BBL และ SCB จะรายงาน credit cost เพิ่มขึ้น QoQ โดยมีสาเหตุมาจากการตัดหนี้สูญที่เร่งตัวขึ้น NPL ไหลเข้าที่เพิ่มขึ้น ขาดทุนรถยึดมากขึ้น และ LGD ที่สูงขึ้นของสินเชื่อเช่าซื้อซึ่งเป็นผลมาจากราคารถยนต์มือสองที่ลดลงใน 4Q66 เนื่องจาก BBL และ SCB ได้ตั้งสำรอง management overlay เพื่อรองรับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ไว้เป็นจำนวนมากใน 3Q66 เราจึงคาดว่า ECL จะลดลง QoQ ใน 4Q66 2) NIM: เราคาดว่า NIM จะทำจุดสูงสุดใน 4Q66 โดยหลังจากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps ในเดือนก.ย. ธนาคารส่วนใหญ่ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR MOR และ MRR เพิ่มขึ้น 25 bps ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำเพิ่มขึ้น 20-25 bps และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เราคาดว่า NIM ของกลุ่มธนาคารจะเพิ่มขึ้นราว 12 bps ใน 4Q66 3) การเติบโตของสินเชื่อ: ผลกระทบของการตัดหนี้สูญจำนวนมาก การขาย NPL และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง ทำให้เราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตในอัตราชะลอตัว YoY ที่ระดับเพียง 2% YoY แต่จะเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากไตรมาสที่ 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นสำหรับสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียน (หลักๆ ที่ BBL) เราคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อปี 2566 จะอยู่ที่ระดับเพียง 2% 4) Non-NII: เราคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้น QoQ ตามฤดูกาล (จากค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต bancassurance และการบริหารสินทรัพย์) 5) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: เราคาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะเพิ่มขึ้น QoQ โดยมีสาเหตุมาจาก opex ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล แนวโน้มกำไรปี 2567 เราคาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารจะเติบโตในอัตราชะลอตัวลงจาก 21% ในปี 2566 สู่ 8% ในปี 2567 โดยมีสาเหตุมาจาก NIM ที่ขยายตัวน้อยลง เมื่อใช้สมมติฐานว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทรงตัวอยู่ที่ 2.5% ในปี 2567 เราคาดว่า NIM ใน 1Q67-4Q67 ของกลุ่มธนาคารจะอยู่ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดใน 4Q66 ซึ่งบ่งชี้ว่า NIM ปี 2567 จะปรับตัวดีขึ้น 11 bps โดยในปี 2567 เราคาดว่า credit cost จะลดลงเล็กน้อย การเติบโตของสินเชื่อจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่ 4% (อิงกับประมาณการ GDP growth ที่ 3-4%) และรายได้ค่าธรรมเนียมจากค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนจะฟื้นตัวเล็กน้อย |
||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก BANK240102_T
|