ธปท. ได้ประกาศผ่อนปรนหลักเกณฑ์การชำระบัตรเครดิต โดย: 1) คงอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิตไว้ที่ร้อยละ 8 ต่อไปอีก 1 ปี จนถึงสิ้นปี 2568 2) คืนเงินดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ที่ผ่อนชำระหนี้ขั้นต่ำมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 8 และ 3) ให้สิทธิลูกหนี้ที่ไม่สามารถผ่อนชำระขั้นต่ำได้ถึงร้อยละ 8 สามารถปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเป็นหนี้เสีย มาตรการเหล่านี้จะส่งผลดีต่อคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารและบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค โดยจะช่วยลดแรงกดดันในการตั้งสำรอง (credit cost) โดยเฉพาะต่อ AEONTS (มากที่สุด) และ KTC แต่จะส่งผลกระทบต่อ NIM เล็กน้อย ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การชำระบัตรเครดิต ธปท. ได้ประกาศผ่อนปรนหลักเกณฑ์การชำระบัตรเครดิต โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1) ผ่อนปรนอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิต โดยกำหนดให้ยังคงอยู่ที่ร้อยละ 8 ออกไปอีก 1 ปี จนถึงสิ้นปี 2568 จากเดิมที่กำหนดให้อัตราดังกล่าวกลับสู่เกณฑ์ปกติที่ร้อยละ 10 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เพื่อช่วยลดภาระการจ่ายชำระหนี้และรักษาสภาพคล่องให้ครัวเรือนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทั้งนี้ ธปท. จะติดตามและประเมินผลของมาตรการอย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำที่เหมาะสมต่อไป 2) ลูกหนี้ที่ผ่อนชำระหนี้ขั้นต่ำมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 8 จะได้รับเครดิตเงินคืนเทียบเท่าดอกเบี้ยร้อยละ 0.5 ของยอดค้างชำระ สำหรับครึ่งปีแรก และร้อยละ 0.25 สำหรับครึ่งปีหลัง ของปี 2568 โดยได้รับคืนทุก 3 เดือน เพื่อจูงใจให้ลูกหนี้ปิดจบหนี้เร็วขึ้นและมีภาระดอกเบี้ยทั้งสัญญาลดลง 3) ลูกหนี้ที่เดิมจ่ายขั้นต่ำที่ร้อยละ 5 แต่ไม่สามารถจ่ายได้ถึงร้อยละ 8 สามารถใช้สิทธิปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเป็นหนี้เสีย โดยเปลี่ยนประเภทหนี้ของบัตรเครดิตไปเป็นสินเชื่อระยะยาว (term loan) เพื่อจ่ายชำระเป็นงวด โดยลูกหนี้จะยังมีโอกาสได้สภาพคล่องจากวงเงินบัตรเครดิตส่วนที่เหลือ ทั้งนี้ ธปท. กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตต้องเสนอเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้เพิ่มเติมด้วย เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่ง ธปท. จะดำเนินการเพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายในเดือนกันยายน 2567 การรวมหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อย (debt consolidation) ธปท. ส่งเสริมให้สถาบันการเงิน (สง.) และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยการรวมหนี้บ้านและสินเชื่อรายย่อยได้มากขึ้น โดยผ่อนปรนเงื่อนไขอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยต่อมูลค่าหลักประกัน (loan-to-value ratio) ในทุกลำดับสัญญาสำหรับกรณีรวมหนี้ ให้สามารถเกินกว่าเพดานที่กำหนด โดยผู้ให้บริการที่เป็นผู้รวมหนี้ต้องดูแลให้ภาระของลูกหนี้ภายหลังการรวมหนี้บรรเทาลงกว่าก่อนรวมหนี้ เช่น อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม และค่างวดที่ต้องชำระต่ำกว่าค่างวดรวมที่เคยจ่าย โดยมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดในปี 2568 ขยายระยะเวลามาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาหนี้เรื้อรัง สำหรับลูกหนี้ที่มีปัญหาหนี้เรื้อรัง(persistent debt) ภายใต้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (responsible lending) ธปท. ได้ขยายระยะเวลาการปิดจบหนี้จากภายใน 5 ปี เป็น 7 ปี (อัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปีเท่าเดิม) เพื่อให้ค่างวดที่ลูกหนี้ต้องชำระปรับลดลง และลูกหนี้จะยังมีโอกาสได้สภาพคล่องจากวงเงินสินเชื่อส่วนที่เหลือ รวมถึงกำหนดให้ผู้ให้บริการต้องให้ข้อมูลเพื่อกระตุกพฤติกรรม (nudge) ลูกหนี้เพิ่มเติม เช่น สื่อสารข้อดีข้อเสียของการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แสดงตารางข้อมูลระยะเวลาการผ่อนชำระพร้อมภาระดอกเบี้ย โดยมาตรการจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป นัยสำคัญ: ส่งผลดีต่อ AEONTS มากที่สุด มาตรการเหล่านี้จะส่งผลดีต่อคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารและบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค โดยจะช่วยลดแรงกดดันในการตั้งสำรอง (credit cost) โดยเฉพาะต่อ AEONTS และ KTC อย่างไรก็ตาม แต่จะส่งผลกระทบต่อ NIM เล็กน้อย เราเชื่อว่า AEONTS จะได้รับประโยชน์จากการผ่อนปรนอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิตมากที่สุด เนื่องจากลูกค้าบัตรเครดิตประมาณ 80% ของบริษัทผ่อนชำระขั้นต่ำ AEONTS ได้ตั้งสำรอง management overlay ไว้แล้วจำนวน 200 ลบ. สำหรับรองรับการปรับเพิ่มอัตราชำระบัตรเครดิตขั้นต่ำเป็น 10% ปัจจุบันเราคาดการณ์ว่า credit cost ของ AEONTS และ KTC จะเพิ่มขึ้น 25 bps ในปี 2568 การเลื่อนระยะเวลาการกลับมาชำระบัตรเครดิตขั้นต่ำเป็น 10% ออกไปน่าจะทำให้ AEONTS และ KTC สามารถคงหรือลด credit cost ของบริษัทในปี 2568 ถ้าเราปรับสมมติฐาน credit cost ปี 2568 ลดลง 25 bps ประมาณการกำไรปี 2568 ที่เราคาดการณ์ไว้สำหรับ AEONTS จะมี upside 6% และ KTC จะมี upside 3% ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง 2) ความเสี่ยงด้าน credit cost จากราคารถมือสองที่ลดลง 3) การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคารต่างๆ และ 4) ความเสี่ยง ESG จากการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (market conduct) และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ |
|||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก FINANCE240805_T
|