สำหรับ 3Q67TD ราคาหุ้นผู้ประกอบการโรงแรมปรับตัวลดลง โดย underperform SET (ซึ่งให้ผลตอบแทน 0.2%) มากถึง 19% เพราะถูกฉุดรั้งโดยความกังวลของตลาดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยในปี 2568 เรามองว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่แนวโน้มกำไรของผู้ประกอบการโรงแรมจะแตกต่างกันไปจากปัจจัยเฉพาะตัว เราเลือก AWC (ปรับคำแนะนำขึ้นสู่ OUTPERFORM) และ MINT เป็นหุ้นเด่น เนื่องจากทั้งสองหุ้นมีโมเมนตัมกำไรที่แข็งแกร่งกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มโรงแรม และ valuation ที่ลงมาลึกจะเป็นโอกาสให้ trading ได้ ตรวจสอบ valuation หลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงใน 3Q67TD สำหรับ 3Q67TD ราคาหุ้นผู้ประกอบการโรงแรม (AWC CENTEL ERW และ MINT) ปรับตัวลดลง โดย underperform SET (ซึ่งให้ผลตอบแทน 0.2%) มากถึง 19% เรามองว่าการปรับตัวลดลงครั้งนี้ถูกฉุดรั้งโดยความกังวลของตลาดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและความต้องการเดินทาง จุดที่น่าสังเกตคือ นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ผลตอบแทนใน 3Q67TD ถือเป็นผลตอบแทนรายไตรมาสแย่เป็นอันดับสองรองจาก 1Q63 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลทำให้ราคาหุ้นผู้ประกอบการโรงแรมและ SET ร่วงลง 49% และ 29% ตามลำดับ และทำให้ราคาหุ้นผู้ประกอบการโรงแรม underperform SET มากถึง 20% เมื่อพิจารณาที่อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (PB) เรามองว่า valuation ในปัจจุบันลงค่อนข้างลึกมากสำหรับ AWC (-2SD เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต), CENTEL และ MINT (-1.5-2SD) ซึ่งบ่งชี้ว่าประเด็นลบสะท้อนในราคาหุ้นไปมากพอสมควรแล้ว ในขณะที่ ERW ซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แนวโน้ม 2H67 MINT มีแนวโน้มรายงานกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ ERW จะอ่อนแอลง หลังจากปรับประมาณการกำไร สำหรับ 2H67 เราคาดว่ากำไรปกติของ MINT จะเติบโตทั้ง YoY และ HoH โดยได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่งในยุโรปจากการเพิ่มขึ้นของ ARR เรามองว่าการดำเนินงานใน 3Q67 ของ ERW จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่โรงแรม Grand Hyatt Erawan และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้กำไรปกติใน 2H67 อ่อนตัวลงทั้ง YoY และ HoH สำหรับ AWC และ CENTEL เราประเมินว่ากำไรปกติใน 2H67 จะเติบโต YoY แต่จะลดลง HoH จากปัจจัยฤดูกาล แนวโน้มปี 2568 คาดเติบโตสำหรับ AWC และ MINT ในปี 2568 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 เรามองว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่แนวโน้มกำไรของผู้ประกอบการโรงแรมจะแตกต่างกันไปจากปัจจัยเฉพาะตัว เราคาดว่า AWC จะรายงานกำไรปกติปี 2568 เติบโตแข็งแกร่งที่สุดที่ 23% YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจโรงแรมที่มีการขยายการลงทุนที่ผ่านมา ในขณะที่เราคาดว่ากำไรปกติของ MINT จะเติบโต 8% YoY ในปี 2568 โดยอิงกับรายได้ที่เติบโต 6% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยึดหลักความระมัดระวังมากกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 8-10% เรามองว่าปี 2568 จะเป็นปีที่ไม่น่าตื่นเต้นสำหรับ ERW (เนื่องจากการดำเนินงานจะได้รับผลกระทบในระยะสั้นจากการปรับปรุงโรงแรม) และ CENTEL (ภาระต้นทุนเริ่มแรกที่โรงแรมใหม่ 2 แห่งในมัลดีฟส์) ชอบ AWC และ MINT กำไรจะเติบโตต่อเนื่อง และ และ valuation ที่ลงมาลึกเป็นโอกาสให้ trading เราเลือก AWC (ปรับคำแนะนำขึ้นสู่ OUTPERFORM, ราคาเป้าหมาย 4.4 บาท/หุ้น) และ MINT (OUTPERFORM, ราคาเป้าหมาย 36 บาท/หุ้น) เป็นหุ้นเด่น โดยในกลุ่มโรงแรม หุ้นสองตัวนี้มีโมเมนตัมกำไรที่จะเติบโตต่อเนื่องและ และ valuation ที่ลงมาลึกจะเป็นโอกาสให้ trading ได้ เราปรับคำแนะนำสำหรับ ERW ลงสู่ NEUTRAL (จาก OUTPERFORM) เนื่องจากขาดปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้นจากแนวโน้มกำไรที่ไม่น่าตื่นเต้นและ valuation ในแง่ PB ยังไม่ได้ต่ำมากนักเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มโรงแรม ในขณะที่ CENTEL มี valuation ที่ต่ำ แต่เรายังคงคำแนะนำ NEUTRAL เนื่องจากกำไรมีแนวโน้มอ่อนแอในปี 2568 ปัจจัยเสี่ยง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและความต้องการเดินทาง การขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG คือ การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก พลังงาน น้ำเสีย และขยะ ที่มีประสิทธิภาพ (E) |
||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก TOURISM240819_T 1
|