SSS ของกลุ่มพาณิชย์น่าจะลดลง 2% YoY ใน 4Q66 สะท้อนถึงการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน โดยส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่เปราะบางสำหรับผู้มีรายได้น้อย และsentiment ที่อ่อนแอสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูงที่รอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อมองต่อไปข้างหน้า SSS มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในระยะสั้น โดยได้แรงหนุนหลักจากโครงการ Easy E-receipt (มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.–15 ก.พ.) และนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น (ได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากมาตรการยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นไป) โดยมี upside จาก โครงการ digital wallet (หากได้รับอนุมัติ) หุ้นเด่นของเรา คือ CPALL CPAXT และ CRC คาดยอดขาย 4Q66 ชะลอตัว SSS น่าจะลดลง 2% YoY ใน 4Q66 (เทียบกับ +5.9% YoY ใน 4Q65 และ -0.8% YoY ใน 3Q66) เพราะได้รับผลกระทบจาก 1) กำลังซื้อที่เปราะบางจากผู้มีรายได้น้อย และบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ซบเซาจากผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง; 2) รายได้ภาคเกษตรที่อ่อนตัวลง เนื่องจากรายได้เกษตรกรลดลง 4% YoY ในเดือนพ.ย. 2566 จากการหดตัวของผลผลิต (-3% YoY) และราคา (-1% YoY); 3) ภาวะที่ราคาอาหารปรับตัวลดลง ดังเห็นได้จากราคาสุกรและไก่เนื้อที่ลดลง 35% YoY และ 15% YoY ตามลำดับ ใน 4Q66; 4) ยอดขายสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ชะลอตัวลง ตามทิศทางกิจกรรมการก่อสร้างที่ชะลอตัวลง จากการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนภาครัฐที่ลดลง (-58% YoY ในเดือนต.ค.-พ.ย. 2566) สืบเนื่องมาจากความล่าช้าในการอนุมัติงบประมาณปี 2567 (ต.ค. 2566-ก.ย. 2567) และราคาเหล็กที่ลดลง ทั้งนี้จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ใน 4Q66 ราคาผลิตภัณฑ์เหล็กในประเทศ (ใช้ราคาเหล็กเส้นในประเทศเป็นตัวชี้วัด) ลดลง 11% YoY และ 3% QoQ; และราคาเหล็กโครงสร้าง (ใช้ราคาเหล็กตัวซีในประเทศเป็นตัวชี้วัด) ลดลง 8% YoY และ 1% QoQ ปัจจัยลบเหล่านี้ไปหักล้างจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นสู่ 8 ล้านคน (+48% YoY) ใน 4Q66 ใน 4Q66 SSS ของผู้ประกอบการค้าปลีกสินค้าจำเป็นมีแนวโน้มที่จะเติบโต 1% YoY โดยได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ในขณะที่ SSS ของผู้ประกอบการค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือยมีแนวโน้มที่จะหดตัว 6% YoY เพราะได้รับผลกระทบจากกําลังซื้อที่อ่อนแอ และการที่ประชาชนส่วนหนึ่งเลื่อนการใช้จ่ายในเดือนพ.ย.-ธ.ค. เพื่อรอโครงการ Easy E-receipt ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2567 ทั้งนี้ในบรรดาผู้ประกอบการทั้งหมดในกลุ่มพาณิชย์ เราคาดว่าจะเห็นการเติบโตของ SSS ได้จาก CPALL (+3.5% YoY) และ CPAXT (+2% YoY จากธุรกิจ B2B และ +5% YoY จากธุรกิจ B2C) ในขณะที่เราคาดว่า SSS ของผู้ประกอบการรายอื่นๆ จะหดตัวลง: -2% YoY จาก BJC, -2.7% YoY (ค่าเฉลี่ยอย่างง่ายแยกตามธุรกิจ) จาก CRC, -8% YoY จาก HMPRO และ -12% YoY จาก GLOBAL ไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2566 เราคาดว่าผลประกอบการ 4Q66 ของกลุ่มพาณิชย์จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2566 โดยกำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และ YoY จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น (การขยายสาขาช่วยชดเชย SSS ที่หดตัวลง) และมาร์จิ้นที่ปรับตัวดีขึ้นจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวและต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ลดลง (-15% YoY และ -10% QoQ) ท่ามกลางยอดขายที่สูงขึ้น ทั้งนี้ในบรรดาผู้ประกอบการทั้งหมด เราคาดว่า CPALL และ CPAXT จะรายงานโมเมนตัมกำไรเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ (เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ) หลักๆ เกิดจากยอดขายที่ดีขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการรีไฟแนนซ์หนี้ของ CPAXT เสร็จสิ้นในเดือนเม.ย. 2566 HMPRO และ GLOBAL มีแนวโน้มที่จะรายงานโมเมนตัมกำไรอ่อนแอที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ (ลดลง YoY แต่ค่อนข้างทรงตัว QoQ) เพราะได้รับผลกระทบจาก SSS ที่หดตัวลงลึกกว่ากลุ่ม หุ้นเด่น CPALL และ CPAXT คือ หุ้นเด่นของเรา เนื่องจากเป็น 1) หุ้น laggard ของกลุ่มพาณิชย์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา; 2) กำไร 4Q66 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง; 3) กำไรปี 2567 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนหลักจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงใน 1H67 นอกจากนี้เรายังชอบ CRC เพราะยอดขายมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากการเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ Easy E-receipt มากที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายรัฐบาลใหม่ ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงานและของเสีย ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน และแนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน |
||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก COMMERCE240104_T
|