Keyword
บทวิเคราะห์รายอุตสาหกรรม

พาณิชย์ – ยอดขายเติบโตแข็งแกร่งและต้นทุนมีแนวโน้มลดลง

20 Mar 23 9:00 AM
commerce-20240911181210

SSS ใน 1Q66TD ของกลุ่มพาณิชย์เติบโตเป็นไตรมาสที่หกติดต่อกันในอัตราเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY และจะเติบโตต่อเนื่อง YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้นเนื่องจากประเทศไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้น นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้น และการขาดหายไปของมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่ผู้ประกอบการค้าปลีกโมเดิร์นเทรดไม่สามารถเข้าร่วมได้ สัญญาณของต้นทุนด้านโลจิสติกส์และค่าไฟฟ้าที่ลดลงเป็นปัจจัยบวกอีกอย่างหนึ่ง หุ้นเด่น คือ CPALL MAKRO และ BJC

SSS growth ใน 1Q66TD SSS ของกลุ่มพาณิชย์มีแนวโน้มเติบโตในอัตราเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY ใน 1Q66TD (เทียบกับ +6.8% YoY ใน 1Q65 และ +5.9% YoY ใน 4Q65) โดยได้รับการสนับสนุนจากบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้นดังเห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) ในเดือนก.พ. ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 36 เดือนเพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย “ช้อปดีมีคืน” (ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 40,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ.) รายได้เกษตรกรที่ดีขึ้น และนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยในเดือนม.ค. รายได้เกษตรกรเติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ที่ 4% YoY และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทยเพิ่มขึ้นสู่ 2.1 ล้านคน (เทียบกับ 0.1 ล้านคนในเดือนม.ค. 2565) และ 22 ล้านคน (+42% YoY) ตามลำดับ

เมื่อแยกตามบริษัท ใน 1Q66TD CRC มีแนวโน้มที่จะรายงาน SSS เติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ที่ระดับ low teen YoY ตามด้วย MAKRO (low teen YoY สำหรับธุรกิจ B2B และตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY สำหรับธุรกิจ B2C), CPALL และ HMPRO (ตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY) และ BJC (ตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY) ในขณะที่ GLOBAL มีแนวโน้มที่จะรายงาน SSS หดตัวลงในอัตราเลขหลักเดียวระดับกลางถึงสูง YoY จากราคาเหล็กที่ลดลง

SSS จะเติบโต YoY ต่อเนื่อง เราคาดว่า SSS ของกลุ่มพาณิชย์จะเติบโต YoY ต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจาก: 1) บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและการเลือกตั้งทั่วไปใน 2Q66 และ 2) นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2566 INVX คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 25 ล้านคน เพิ่มขึ้น 124% YoY แต่ยังต่ำกว่าระดับก่อนเกิด COVID-19 อยู่ 37% และ SCB EIC คาดว่านักท่องเที่ยวชาวไทยจะอยู่ที่ 227 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 12% YoY) ใกล้เคียงกับระดับก่อนเกิด COVID-19 มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลภายใต้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 (เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.–30 เม.ย.) จะช่วยกระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยในระยะสั้น 3) การเติบโตของรายได้เกษตรกร โดยในปี 2566 SCB EIC คาดว่ารายได้เกษตรกรจะเติบโต 1.3% YoY โดยการเพิ่มขึ้น 3% ของผลผลิตสินค้าเกษตรจากปริมาณน้ำฝนและน้ำในเขื่อนที่อยู่ในเกณฑ์ดี จะช่วยชดเชยการลดลง 1.5% ของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก เช่น ยาง และปาล์มน้ำมัน และ 4) การขาดหายไปของมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ผู้ประกอบการค้าปลีกโมเดิร์นเทรดไม่สามารถเข้าร่วมได้ เช่น คนละครึ่ง เฟส 4 (ก.พ.-เม.ย. 2565) และเฟส 5 (ก.ย.-ต.ค. 2565) มูลค่ารวม 5.6 หมื่นลบ.

ต้นทุนด้านโลจิสติกส์และค่าไฟฟ้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ประกาศปรับเพดานการตรึงราคาน้ำมันดีเซลลดลงเป็นรอบที่สามของปีนี้อีก 0.5 บาท/ลิตร มีผลวันที่ 24 มี.ค. ราคาขายปลีกใหม่จะอยู่ที่ 33.5 บาท/ลิตร ลดลง 4% จากจุดสูงสุดล่าสุดในเดือน ม.ค. แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 12% YoY คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำลังรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับข้อเสนออัตราค่าไฟฟ้าใหม่จาก 5.33 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง (หน่วย) สำหรับภาคธุรกิจในเดือนม.ค.-เม.ย. เป็น 3 ทางเลือกใหม่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย (-11% จากงวดเดือนม.ค.-เม.ย.), 4.84 บาทต่อหน่วย (-9%) และ 6.72 บาทต่อหน่วย (+26%) สำหรับงวดเดือนพ.ค.-ส.ค. ด้วยต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่อัตราค่าไฟฟ้าจะปรับลดลง การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของเราบ่งชี้ว่าการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าลง 10% จะหนุนให้กำไรของกลุ่มพาณิชย์ปรับขึ้นได้ 3% (6% สำหรับ CPALL, 4% สำหรับ MAKRO และ BJC, 3% สำหรับ CRC และ 1% สำหรับ HMPRO และ GLOBAL)

หุ้นเด่น การศึกษาของเราพบว่า SETCOMM ปรับตัว outperform SET อยู่ 4% ในช่วง 3 เดือน และ 1% ในช่วง 1 เดือนก่อนเลือกตั้ง และ 2% ในช่วง 1 เดือน และ 8% ในช่วง 3 เดือนหลังเลือกตั้งในปี 2544-2562 เราชอบ CPALL MAKRO และ BJC เนื่องจากคาดว่ากำไรปี 2566 จะเติบโตโดดเด่นเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ฟื้นตัวดีขึ้น และจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์รายหลักจากต้นทุนที่มีแนวโน้มลดลง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นตามเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5