Keyword
RMF

กองทุนลดหย่อนภาษี RMF

5 Sep 25 3:09 PM
Invest_Ideas_Thumbnail_1280x720px-46
Key Summary

สรุปกองทุนลดหย่อนภาษี RMF ปี 2025 ที่ InnovestX แนะนำ

3 Building Blocks Strategy ได้แก่ Growth, Stability, Opportunity

Growth (หุ้น)

  • กองทุนดัชนีหุ้นโลก KKP PGE RMF-H กระจายลงทุนหุ้นทั่วโลกกว่า 2,600 ตัว (MSCI ACWI)
  • กองทุนดัชนีหุ้นสหรัฐฯ K-US500XRMF กระจายลงทุนบริษัทขนาดใหญ่ 500 บริษัทในสหรัฐฯ (S&P500 Index)

Stability (ตราสารหนี้)

  • กองทุนตราสารหนี้ไทย KKP INRMF  ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูง

Opportunity (ธีมการลงทุน)

  • กองทุนหุ้นเทคโนโลยีโลก B-INNOTECHRMF ลงทุนในเทคโนโลยีทั่วโลกแบบสวนกระแส
  • กองทุนหุ้นเวียดนาม PRINCIPAL VNEQRMF ลงทุนในหุ้นเวียดนามคุณภาพสูง
  • กองทุนทองคำ UOBGRMF-H เข้าถึงทองคำแบบสะดวกและมีประสิทธิภาพ ผ่าน ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

RMF Tax Portfolio: 3 Building Blocks Strategy

 

กลยุทธ์ Tax Portfolio Building Blocks: Growth, Stability และ Opportunity

เสริมพลังการลงทุนภาษีให้ครบทั้งเติบโต มั่นคง และโอกาสใหม่

 

"เหมือนการสร้างบ้าน… พอร์ตภาษีก็ต้องมีทั้งฐานที่แข็งแรง (Stability) เสาหลักการเติบโต (Growth) และห้องลับแห่งโอกาส (Opportunity)"

 

เพียง 3 Building Blocks คุณก็สร้างพอร์ตภาษีที่ทั้งแข็งแรงและพร้อมคว้าโอกาสในอนาคตได้ เพราะการลงทุนภาษีไม่ควรมีแค่ความมั่นคง หรือการเติบโต แต่ต้องมี 'โอกาส' ด้วย

 

กองทุนลดหย่อนภาษี RMF ทาง InnovestX ได้คัดเลือกธีมการลงทุนออกเป็น 3 ธีม แบ่งเป็น Growth (หุ้น), Stability (ตราสารหนี้), Opportunity (ธีมการลงทุน) เพื่อให้นักลงทุนสามารถจัดพอร์ตภาษีเชิงกลยุทธ์ที่ไม่ใช่แค่ลดหย่อน แต่ยังสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

 

🚀 Growth Building Block (เสาหลักการเติบโต)

สำหรับการสร้างมูลค่าพอร์ตในระยะยาว ผ่านพลังของการเติบโตหุ้นโลกและสหรัฐฯ

ธีม Growth แบ่งออกเป็น 2 กองทุนที่มีการบริหารแบบ Passive ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการเติบโตจากหุ้นคุณภาพสูงทั่วโลก พร้อมทางเลือกเฉพาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในตลาดสหรัฐฯ

 

1) กองทุนดัชนีหุ้นโลก KKP PGE RMF-H (Passive Management): กระจายลงทุนหุ้นทั่วโลกกว่า 2,600 ตัว

  • กองทุนหลัก iShares MSCI ACWI ETF (USD) ที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Passive โดยอ้างอิงดัชนีหุ้นโลก (MSCI ACWI Index) ที่มีการกระจายการลงทุนไปใน 23 ประเทศที่พัฒนาแล้ว (Developed Markets) และ 24 ประเทศที่กำลังพัฒนา (Emerging Markets) โดยกระจายลงทุนในหุ้นทั่วโลกกว่ากว่า 2,600 ตัว
  • สัดส่วนหลักของพอร์ตการลงทุนจะกระจายอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มบริการทางด้านสุขภาพ
  • ตัวอย่างหุ้นที่มีการลงทุน ได้แก่ Apple ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีระดับโลก, Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผลระดับโลก,  Microsoft บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก, Amazon.com บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่สุดในโลก, Meta Platforms บริษัทด้านเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย
  • ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมากองทุนหลักสามารถทำผลการดำเนินงานได้เฉลี่ยปีละ 12.0% (as of 31 Aug 2025)
  • ตัวเลือกการป้องกัน FX มีทั้ง Class ที่ป้องกัน (KKP PGE RMF-H) และไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (KKP PGE RMF-UH) ให้เลือกตามกลยุทธ์

 

2) กองทุนดัชนีหุ้นสหรัฐฯ K-US500XRMF (Passive Management): กองทุนที่เข้าถึง 500 บริษัทที่ดีที่สุดของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ BlackRock บลจ. ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารอันดับ 1 ของโลก

  • ลงทุนในกองทุนหลัก iShares Core S&P 500 ETF (IVV) ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดการลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ บริหารจัดการโดย BlackRock ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการบริหารต่ำเพียง 0.03% ต่อปี
  • วัตถุประสงค์ในการติดตามผลการดำเนินงานของดัชนี S&P 500 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 500 บริษัทในสหรัฐฯ โดยดัชนีดังกล่าวเป็นหนึ่งในดัชนีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและมักถูกใช้เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการวัดผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
  • มีการกระจายความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากกองทุนนี้ลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 500 บริษัท จึงครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้การกระจายความเสี่ยงในเชิงของกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ตัวอย่างหุ้นที่มีการลงทุน ได้แก่ Apple ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีระดับโลก, Microsoft บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก, Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผลระดับโลก, Amazon.com บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่สุดในโลก, Meta Platforms บริษัทด้านเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย
  • กองทุนหลักสามารถสร้างผลตอบแทนในช่วง 5 ปีย้อนหลังเฉลี่ย 14.7% ต่อปี (as of 31 Aug 2025)

 

 

🛡️ Stability Building Block (ฐานที่แข็งแรง)

สำหรับสร้างความมั่นคงให้พอร์ต ผ่านตราสารหนี้ไทยคุณภาพ

สำหรับธีมการลงทุน Stability เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากตราสารหนี้ในประเทศ เพื่อสร้างดุลยภาพให้กับพอร์ตการลงทุน

 

1) กองทุน KKP INRMF (Active Management): ลงทุนในตราสารหนี้ไทยคุณภาพสูง

  • ลงทุนแบบเชิงรุกในเงินฝาก ตราสารหนี้ของบริษัทเอกชนที่มีคุณภาพสูง และตราสารหนี้ภาครัฐ แบบไม่มีความเสี่ยงต่างประเทศ โดยมุ่งหวังให้ตราสารหนี้ในพอร์ตมีอายุเฉลี่ยระหว่าง 1-3 ปี
  • เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง โดยจะเลือกลงทุนในตราสารที่ได้รับการจัดอันดับที่ระดับ BBB- ขึ้นไป และมุ่งหวังให้อันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยของพอร์ตอยู่ที่ระดับ A
  • ทีมงานผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเฉลี่ยมากกว่า 10 ปี พร้อมมีทีมงาน In-house Research ที่จะทำการวิเคราะห์หลักทรัพย์รายตัวคอยช่วยสนับสนุนเพิ่มเติม
  • พอร์ตการลงทุนมีความยืดหยุ่น ทั้งในด้าน Credit Rating และ Duration Management เพื่อหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่เหมาะสมในแต่ละสภาวะตลาด
  • กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนในช่วง 5 ปีย้อนหลังเฉลี่ย 3.0% ต่อปี (as of 31 Aug 2025)

 

 

🌟 Opportunity Building Block (ห้องลับแห่งโอกาส)

สำหรับการคว้าโอกาสจากธีมการลงทุนที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย ตลาดเกิดใหม่อย่างเวียดนาม หรือสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ

โดยธีม Opportunity แบ่งออกเป็น 3 กองทุน ที่แต่ละกองมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง พร้อมสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมจากโอกาสที่แตกต่าง

 

1) กองทุนหุ้นเทคโนโลยีโลก B-INNOTECHRMF (Active Management): ลงทุนในเทคโนโลยีทั่วโลกแบบสวนกระแส

  • ลงทุนในกองทุนหลัก Fidelity Funds – Global Technology Fund ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดการลงทุน โดยเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มผู้ชนะในระยะยาว ใช้แนวทางการสวนกระแส โดยไม่เน้นโมเมนตัม แต่ให้ความสำคัญกับ Valuation ที่เหมาะสม
  • ผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์กว่า 23 ปี พร้อมทีมนักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจำนวน 28 ท่านทั่วโลกที่มีประสบการณ์เฉลี่ยกว่า 11 ปี
  • พอร์ตการลงทุนที่สมดุล กระจายการลงทุนในหุ้นกว่า 50-100 ตัว โดยไม่ลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป ทำให้ความผันผวนและการขาดทุนสูงสุดน้อยกว่ากองทุนเทคโนโลยีโลกทั่วไป
  • ตัวอย่างหุ้นที่มีการลงทุน ได้แก่ Microsoft บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก, TSMC บริษัทผู้ผลิตชิประดับโลก, Apple บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและระบบปฏิบัติการ iOS ที่มีชื่อเสียงระดับโลก, Samsung Electronics ผู้ผลิตชิปประเภทหน่วยความจำชั้นนำระดับโลก, Ericsson ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม
  • กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนในช่วง 5 ปีย้อนหลังเฉลี่ย 16.9% ต่อปี ใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัดเฉลี่ยต่อปีที่ 17.1% แต่มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า จึงทำให้ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงของกองทุนโดดเด่นกว่าดัชนีชี้วัด และมีอัตราการขาดทุนสูงสุดในช่วง 5 ปีย้อนหลังที่ 26.5% น้อยกว่าดัชนีชี้วัดที่มีอัตราการขาดทุนสูงสุดที่ 34.8%  (as of 31 Aug 2025)
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มองหากองทุนหุ้นเทคโนโลยีโลกเพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมให้กับพอร์ตการลงทุนในระยะยาวโดยไม่อยากรับความผันผวนจากการแกว่งตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่สูงมากเกินไป

 

2) กองทุนหุ้นเวียดนาม PRINCIPAL VNEQRMF (Active Management): กองทุนหุ้นเวียดนามคุณภาพสูง

  • กลยุทธ์ FMV Framework การวิเคราะห์แบบ Top-down และ Bottom-up ผ่านกรอบ FMV (พื้นฐานธุรกิจที่เติบโตยั่งยืน + แนวโน้มราคาและกำไรที่ดีขึ้น + มูลค่าในระดับน่าสนใจ)
  • บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนชาวไทยและเวียดนาม 7 ท่าน ทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลในเวียดนามได้โดยตรง โดยทีมมีการเข้าเยี่ยมชมบริษัทที่เข้าลงทุนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงหาโอกาสใหม่ๆ ในบริษัทอื่นๆ ที่น่าสนใจ
  • สร้างพอร์ตการลงทุนโดยเน้นลงทุนในหุ้นบริษัทเวียดนามขนาดใหญ่-กลางประมาณ 20-30 บริษัท ที่มีธรรมาภิบาลดี เพื่อลดโอกาสในการคัดเลือกหุ้นที่ผู้บริหารของบริษัทมีการฉ้อโกง
  • ตัวอย่างหุ้นที่มีการลงทุน ได้แก่ FPT Corporation ผู้นำด้านเทคโนโลยีและ IT ในเวียดนาม, Mobile World Investment Corp ผู้นำด้านการค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ในเวียดนาม ครอบคลุมสินค้าเทคโนโลยี, Housing Development Bank ธนาคารพาณิชย์ผู้ให้บริการด้านการเงินครบวงจร, Military Commercial Joint Stock Bank ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำในเวียดนามที่ได้รับการสนับสนุนจากระทรวงกลาโหมเวียดนาม, Hoa Phat Group บริษัทผู้ผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กชั้นนำในเวียดนาม
  • กองทุน PRINCIPAL VNEQRMF มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 14.7% นับตั้งแต่ต้นปี 2025 (as of 31 Aug 2025)
  • ขณะที่กองทุน PRINCIPAL VNEQ-A (ที่มีกลยุทธ์การบริหารแบบเดียวกับกองทุน PRINCIPAL VNEQRMF) สร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยปีละ 14.2% เทียบกับ VN Index ที่ 13.8% (as of 31 Aug 2025)

 

3) กองทุนทองคำ UOBGRMF-H (Passive Management): เข้าถึงทองคำแบบสะดวกและมีประสิทธิภาพ ผ่าน ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

  • เน้นลงทุนในทองคำผ่านกองทุนหลัก SPDR Gold Trust (GLD) ถือเป็นกองทุน ETF ขนาดใหญ่ที่สุดที่มีการลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง ซึ่งมีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Passive Management เพื่อสร้างผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายของกองทุนให้เคลื่อนไหวสอดคล้องไปกับราคาทองคำ มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าหากเทียบกับการลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง
  • กองทุนหลัก GLD ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงการลงทุนในทองคำได้ง่ายขึ้น มีการจดทะเบียนซื้อขายในหลายตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกทั้งในสหรัฐฯ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และเม็กซิโก
  • ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา กองทุนหลัก GLD ETF สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 35.9% (as of 31 Aug 2025)

 

Source: Morningstar as of 31 Aug 2025

คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์เอกซ์

Most Viewed Ideas
Related Ideas
Most Viewed Ideas