ราคาทองคำกำลังร้อนแรง พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง นักลงทุนหลายคนแห่ซื้อทองแท่งเก็บไว้เพราะ ทองคำคือสินทรัพย์ปลอดภัยที่หลายคนเลือกในยามเศรษฐกิจผันผวน
แต่ถ้าเป้าหมายของคุณคือ “ผลตอบแทนที่แรงกว่า” คุณอาจต้องมองไปที่ หุ้นเหมืองทอง เพราะมันไม่ใช่แค่สะท้อนราคาทอง แต่มีแนวโน้มขยายกำไรแบบทวีคูณเมื่อทองขึ้น แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้น? บทความนี้จะมาเล่าให้ฟังครับ

ทำไมต้องลงทุนในหุ้นเหมืองทอง?
-
ราคาหุ้นเหมืองทองมีแนวโน้มที่จะพุ่งแรงกว่าราคาทองคำ
หุ้นเหมืองทองคำ คือหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจขุดและผลิตทองคำ จุดเด่นของหุ้นกลุ่มนี้คือโดยปกติราคามักจะ “เหวี่ยงแรงกว่า” ราคาทองคำจริง ๆ ทำให้อาจสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าการลงทุนในทองคำโดยตรง
เหตุผลคือ บริษัทเหมืองทองมี ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) ในสัดส่วนสูง ต้นทุนเหล่านี้ไม่เปลี่ยนไปตามยอดขาย ดังนั้นเมื่อราคาทองคำปรับขึ้น รายได้ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นทันที แต่ต้นทุนยังคงที่ ส่งผลให้กำไรของบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดด
ในทางการเงิน เราเรียกว่าธุรกิจนี้มี Operating Leverage สูง หมายความว่า กำไรมีแนวโน้มขยายตัวแรงกว่าการเปลี่ยนแปลงของรายได้ และนั่นทำให้ราคาหุ้นเหมืองทองคำ ควรจะมีการปรับตัวที่มากกว่าราคาทองคำ
🔎 ตัวอย่างการเปรียบเทียบ
สมมติว่ามีบริษัทเหมืองทองแห่งหนึ่ง
- รายได้ปัจจุบันจากการขายทอง = 100 เหรียญ
- ต้นทุนการดำเนินงานคงที่ = 80 เหรียญ
- กำไรสุทธิ = 20 เหรียญ
👉 ถ้าราคาทองคำปรับขึ้น 10%
- รายได้ใหม่จากการขายทอง = 110 เหรียญ
- ต้นทุนการดำเนินงานยังคงที่ = 80 เหรียญ
- กำไรสุทธิ = 30 เหรียญ
เท่ากับว่ากำไรบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 20 → 30 เหรียญ หรือ โต 50% ทั้งที่ราคาทองขึ้นเพียง 10% เท่านั้น
ผลลัพธ์คือ ราคาหุ้นของบริษัทนี้ก็มักจะสะท้อนกำไรที่โตแรงขึ้น ทำให้หุ้นเหมืองทองมีแนวโน้มที่จะวิ่งเร็วกว่าทองแท่งที่ขึ้นมาแค่ 10% ตรงนี้เองที่นักลงทุนมักพูดว่า “หุ้นเหมืองทองคือ เลเวอเรจธรรมชาติ (Natural Leverage) ของทองคำ”
2.ได้ประโยชน์จากโลหะมีค่าอื่น ๆ
- บริษัทเหมืองทองหลายแห่งไม่ได้ขุดทองอย่างเดียว แต่ยังมีรายได้จาก “แร่เงิน,แพลทินัม หรือ พาลาเดียม” ซึ่งมีความต้องการสูงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี รถ EV และพลังงานสะอาด
3.ป้องกันเงินเฟ้อ และเป็นสินทรัพย์หลบภัย
- ทองคำคือสินทรัพย์ที่มักปรับขึ้นในช่วงเงินเฟ้อสูง หรือเมื่อเศรษฐกิจโลกผันผวน
- หุ้นเหมืองทองก็มักจะได้รับประโยชน์ไปด้วย เพราะรายได้และกำไรบริษัทสัมพันธ์กับราคาทอง
4.โอกาสสร้างผลตอบแทนระยะสั้นแบบ Event Play
- หุ้นเหมืองทองมักปรับขึ้นเร็วในช่วงที่ราคาทองพุ่งแรง เช่น ช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยขาลง หรือค่าเงินดอลลาร์อ่อน
- นักลงทุนสายเทรดจึงชอบใช้เป็น “เครื่องมือทำกำไร” ในจังหวะที่ตลาดทองร้อนแรง
ความเสี่ยงของหุ้นเหมืองทอง
1.ความผันผวนสูงกว่าทองคำแท่ง
- หุ้นเหมืองทองมักเคลื่อนไหวแรงกว่า ราคาทองคำจริง ๆ หลายเท่า
- เวลาทองขึ้น หุ้นเหมืองอาจพุ่งแรง แต่ถ้าทองลง หุ้นเหมืองก็มัก “ร่วงแรงกว่า” เช่นกัน
- คล้ายกับมีเลเวอเรจโดยธรรมชาติ (Natural Leverage)
2.ความเสี่ยงด้านต้นทุนการผลิต
- เหมืองทองมีต้นทุนคงที่สูง เช่น ค่าแรง เครื่องจักร พลังงาน น้ำมัน
- หากราคาทองไม่ขึ้นตามคาด หรือปรับตัวลง จะกระทบกำไรอย่างรุนแรง
- ในบางช่วง “ราคาทองขึ้น แต่กำไรไม่โต” เพราะต้นทุนเหมืองสูงขึ้น
3.ความเสี่ยงจากปัจจัยท้องถิ่นและกฎหมาย
- บริษัทเหมืองหลายแห่งตั้งอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา
- อาจเผชิญความเสี่ยงทางการเมือง ภาษี การประท้วงแรงงาน หรือกฎหมายสิ่งแวดล้อม
กราฟแสดงการเปรียบเทียบราคาย้อนหลัง 1 ปี ระหว่างราคาทองคำ (XAUUSD) และดัชนีหุ้นเหมืองทองคำ (FTSE Gold Mines Index)

(Source: Bloomberg from 9 Sep 2024 to 8 Sep 2025)
จากกราฟพบว่า ราคาทองคำ(เส้นสีฟ้า) และดัชนีราคาหุ้นเหมืองทองคำ(เส้นสีม่วง)ส่วนมากจะมีแนวโน้มเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี พบว่า:
- ราคาทองคำ (XAUUSD) ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ +45.07%
- ดัชนีราคาหุ้นเหมืองทองคำ (FTSE Gold Mines Index) ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ +89.72%
ตาราง Correlation Coefficient ระหว่าง ราคาทองคำ(XAUUSD) และดัชนีราคาหุ้นเหมืองทอง (FTSE Gold Mines Index)

จากตารางข้อมูลพบว่า ค่า Correlation Coefficient ระหว่างราคาทองคำ (XAUUSD) และดัชนีหุ้นเหมืองทองคำ (FTSE Gold Mines Index) อยู่ที่ 0.74 ซึ่งถือเป็นค่าที่อยู่ในระดับสูงและใกล้เคียงกับ 1 สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างทั้งสองสินทรัพย์ หมายความว่า เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้น ดัชนีหุ้นเหมืองทองคำก็มักจะปรับตัวไปในทิศทางเดียวกันด้วย
แล้วอะไรคือทางเลือกที่ใช่สำหรับคุณ?
- ถ้าเป้าหมายคือ ความมั่นคง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ผันผวน → “ทองคำ” คือสินทรัพย์ปลอดภัยและคลาสสิกตลอดกาล
- แต่ถ้าอยากได้ โอกาสเติบโตแบบทวีคูณ ไปพร้อมกับราคาทอง → “หุ้นเหมืองทอง” คือทางเลือกที่มี Leverage และศักยภาพสูงกว่า ซึ่งหมายความว่าอาจให้ผลตอบแทนดีกว่าทองคำ แต่ก็มีโอกาสขาดทุนหนักกว่าเช่นกัน
ลงทุนหุ้นเหมืองทองผ่านกองทุน ไหนดี?
KT-PRECIOUS เน้นหุ้นเหมืองทองคำและเกี่ยวข้องกับทองคำราว 85% และหุ้นเหมืองผสม โลหะมีค่า เงินและทองแดง รวมกันอีกราว 15% โดยกองทุนไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ข้อมูลและจุดเด่นกองทุน
- ลงทุนในหุ้นเหมืองทองผ่านกองทุน Franklin Gold and Precious Metals Fund โดยทีมผู้จัดการกองทุนหลักมีประสบการณ์เฉลี่ยกว่า 30 ปี และจะเน้นคัดเลือกในบริษัทที่รายได้เติบโตในระยะยาวอย่างเห็นได้ชัด มีกําไรที่ มั่นคง ยั่งยืน หรือมีความสามารถในการแข่งขันสูง
- ผสมผสานกลยุทธ์การลงทุนแบบ Top-down และ Bottom-up โดยจะวิเคราะห์ ปัจจัยเชิงมหภาคเพื่อกําหนดน้ําหนักการลงทุนในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม และเน้น วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเชิงลึกเพื่อหาหุ้นที่มีโอกาสที่ดีที่สุด
- สถิติ 5 ปีย้อนหลังบ่งชี้ว่า ผลการดําเนินงานของกองทุนหลักมักเคลื่อนไหว สอดคล้องไปกับดัชนี FTSE Gold Mines Index
- ตัวอย่างหุ้น 5 อันดับแรก (ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568)
- Agnico Eagle Mines (3.95%) บริษัทเหมืองทองจากแคนาดา รายใหญ่ระดับโลก มีเหมืองในแคนาดา เม็กซิโก ออสเตรเลีย และฟินแลนด์
- G Mining Ventures Corp (3.72%) บริษัทเหมืองทองจากแคนาดา มุ่งเน้นพัฒนาโครงการเหมืองทอง ที่มีศักยภาพผลิตทองต้นทุนต่ำ และเน้นโครงการในบราซิลและกายอานา
- Alamos Gold (3.24%) บริษัทเหมืองทองจากแคนาดา เชี่ยวชาญด้านการผลิตและสำรวจทองคำ มีเหมืองหลักในแคนาดาและเม็กซิโก
- Barrick Gold (3.24%) บริษัทเหมืองทองจากแคนาดา หนึ่งในผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก ดำเนินงานหลายทวีป
- Newmont Corp (3.12%) บริษัทเหมืองทองสหรัฐฯ รายใหญ่ที่สุดในโลก ติดดัชนี S&P 500
ผลตอบแทนย้อนหลัง

หมายเหตุ:*% ต่อปี
Source: Fact Sheet as of 31/07/2025
คำเตือน: ผลการดำเนินในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนที่ได้รับในอนาคต กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์ เอกซ์