XPeng Motors (NYSE:XPEV , HK:9868) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะจากจีนที่กำลังสร้างความโดดเด่นในวงการยานยนต์โลกด้วยเทคโนโลยี AI และระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง ด้วยการเป็นผู้นำด้าน Smart EV ที่มีส่วนแบ่งตลาด 6.2% ในประเทศจีน (อันดับที่ 5) และยอดส่งมอบสะสมเกิน 800,000 คัน บริษัทแห่งนี้ไม่เพียงแต่โดดเด่นในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ยังมีจุดแข็งสำคัญจากการพัฒนาเทคโนโลยีในบ้านและความสามารถในการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ OTA
ประวัติการก่อตั้งและวิวัฒนาการของ XPeng
XPeng Motors ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดยนาย Wang Chuanfu ด้วยการเริ่มต้นจากธุรกิจแบตเตอรี่ ในขณะที่ XPeng เริ่มต้นโดยนาย He Xiaopeng (ผู้ร่วมก่อตั้ง UCWeb ในเครือ Alibaba) และนาย Xia Heng ด้วยวิสัยทัศน์ในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่ผสานเทคโนโลยี AI และระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง เพื่อตอบสนองพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคยุคใหม่
การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญมาถึงเมื่อ XPeng ได้รับการลงทุนจากบริษัทชั้นนำระดับโลก ได้แก่ Alibaba Group, Xiaomi และ GGV Capital ในช่วงปี 2017–2020 รวมมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ในปี 2020 การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่ให้เงินทุนแก่ XPeng เท่านั้น แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดเรื่องศักยภาพในอนาคตของบริษัท
XPeng ได้พัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ XPILOT ที่ใช้เทคโนโลยี LiDAR, การมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์ และ AI ขั้นสูง รวมถึงการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Xmart OS ที่ควบคุมการทำงานของรถผ่านระบบอัจฉริยะ และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกเทคโนโลยีรถบินได้ (Flying Car) ผ่านบริษัทย่อย XPeng AeroHT
โครงสร้างรายได้และธุรกิจหลัก
XPeng ดำเนินธุรกิจผ่าน 3 สายธุรกิจหลัก โดยมีรายได้มาจาก:
ธุรกิจผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV Manufacturing) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 95% ของรายได้รวม
รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) – กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการมุ่งเน้นตลาดพรีเมียมและเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะระบบขับขี่อัตโนมัติ XPILOT ที่ใช้เทคโนโลยี LiDAR และ AI เป็นจุดขายหลัก ครองส่วนแบ่งตลาด 6.2% ในจีน (อันดับที่ 5)
บริการและซอฟต์แวร์ (Services & Software) – 3%
กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการขายบริการหลังการขาย การอัปเกรดซอฟต์แวร์ และระบบขับขี่อัตโนมัติผ่าน OTA (Over-The-Air) Updates ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปิดรับ subscription-based features
เทคโนโลยีการบิน (Flying Car Technology) – 2%
กลุ่มธุรกิจนี้พัฒนาโดยบริษัทในเครือ XPeng AeroHT อยู่ในขั้นทดลองและวิจัยในด้าน Urban Air Mobility ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจใหม่ที่ XPeng วางรากฐานไว้เพื่อเติบโตในระยะยาว มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคตจากการเป็นผู้บุกเบิกในตลาด Urban Air Mobility
XPeng มีกลยุทธ์การพัฒนาเทคโนโลยีในบ้าน (In-house Technology Development) โดยเน้นการวิจัยและพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ AI และซอฟต์แวร์เป็นหลัก เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยประสบการณ์การใช้งานที่อัจฉริยะ
สงครามราคารถ EV ในจีน และตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ของ XPeng
ตั้งแต่ปี 2022 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนเข้าสู่ภาวะสงครามราคาอย่างรุนแรง โดยเริ่มจาก BYD ที่ลดราคารถในหลายรุ่น ทำให้คู่แข่งรายอื่นอย่าง Tesla, SAIC, Li Auto และ NIO ต้องปรับราคาตามเพื่อลดแรงกระแทกด้านยอดขาย ส่งผลให้อุตสาหกรรมเผชิญปัญหากำไรหดหาย และการแข่งขันไร้ทิศทาง รัฐบาลจีนจึงเข้ามาควบคุมโดยออกมาตรการ “เบรก” การลดราคาที่เกินขอบเขต พร้อมส่งเสริมให้เน้นคุณภาพ นวัตกรรม และความเป็นธรรมในห่วงโซ่อุปทาน เช่น การบังคับชำระเงินซัพพลายเออร์ภายใน 60 วัน รวมถึงเตรียมกลไกกำกับราคาขายในอนาคตเพื่อความยั่งยืน
แม้จะอยู่ในบริบทของตลาดที่ตึงเครียด XPeng กลับสามารถรักษาความแข็งแกร่งของแบรนด์และสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ XPeng ไม่เพียงสามารถต้านแรงกดดันจากสงครามราคาในอุตสาหกรรม EV ได้อย่างมั่นคง แต่ยังสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว และได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
แผนขยายตัวสู่ตลาดโลก
แม้ว่ายอดขายส่วนใหญ่ของ XPeng จะมาจากตลาดในประเทศจีน โดยมีส่วนแบ่งตลาด EV ประมาณ 6.2% (อันดับที่ 5) และเน้นกลุ่ม SUV และผู้บริโภคในเมืองที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและความยั่งยืน แต่บริษัทกำลังเร่งขยายการส่งออกสู่ตลาดยุโรป โดยเริ่มจากนอร์เวย์ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี
การขยายตัวสู่ตลาดยุโรปของ XPeng มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ด้านเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะระบบขับขี่อัตโนมัติที่ปรับให้เข้ากับสภาพการจราจรในยุโรป พร้อมทั้งวางกลยุทธ์ด้านการตลาดที่ปรับให้เข้ากับผู้บริโภคในแต่ละประเทศ รวมถึงแผนการเจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตอันใกล้
การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
เทียบกับ Tesla (TSLA): XPeng กำลังก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งสำคัญของ Tesla ด้วยจุดแข็งด้านนวัตกรรมที่ล้ำหน้า ทั้งการพัฒนารถยนต์บินได้ผ่าน XPeng AeroHT ที่วางแผนส่งมอบในปี 2026 และระบบขับขี่อัตโนมัติ XPILOT ที่รวม LiDAR และกล้องไว้ในตัวรถโดยไม่ต้องซื้อเพิ่ม แตกต่างจาก Tesla ที่คิดค่าฟีเจอร์แยก นอกจากนี้รุ่น G6 ยังมอบเทคโนโลยีระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า จึงทำให้ XPeng เป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงที่มีศักยภาพในตลาด Smart EV อย่างแท้จริง
เทียบกับ BYD: XPeng วางตำแหน่งเป็นแบรนด์ EV ระดับพรีเมียมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี มุ่งเจาะกลุ่มผู้ใช้ยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมล้ำสมัย แตกต่างจาก BYD ซึ่งเน้นตลาด mass market เป็นหลัก XPeng ยังเร่งขยายตลาดสากลผ่านแผน Go‑Global 2.0 และความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก พร้อมพัฒนา Smart Mobility ครบวงจร ทั้งรถบินได้ หุ่นยนต์ และชิป AI ขณะที่ BYD ยังคงเน้นแบตเตอรี่และการผลิตเป็นหลัก ทำให้ XPeng โดดเด่นด้านวิสัยทัศน์และความก้าวล้ำทางเทคโนโลยี
เมื่อเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย
ARUN PLUS เป็นบริษัทร่วมทุนของ PTT โดยตรง (100% ถือหุ้นโดย PTT) ในตลาดไทย แม้จะไม่มีบริษัทที่ทำธุรกิจเดียวกันโดยตรง แต่กลุ่ม ปตท. ก็มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ EV ของประเทศ ผ่านการลงทุนในทุกมิติ ตั้งแต่การผลิตรถ EV ร่วมกับ Foxconn ในนาม Horizon Plus การให้บริการเช่ารถผ่าน EVme การพัฒนาแบตเตอรี่ในประเทศผ่าน Innobatt ไปจนถึงการขยายสถานีชาร์จใน PTT Station ทั่วประเทศ ขณะที่ XPeng เป็นผู้ผลิต EV ที่มุ่งเน้นนวัตกรรม AI และซอฟต์แวร์เป็นหลัก ทำให้สามารถแข่งขันได้ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและประสบการณ์ผู้ใช้ที่เหนือกว่าในระดับโลก
ความท้าทายและการแข่งขันในตลาด
แม้ว่า XPeng จะอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งในตลาด Smart EV แต่เส้นทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งจากแรงกดดันภายนอกและการแข่งขันภายในประเทศ
ในระดับสากล XPeng ต้องสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นในแบรนด์ในตลาดต่างประเทศ รวมทั้งปรับเทคโนโลยีให้เข้ากับกฎระเบียบและสภาพการจราจรที่แตกต่างในแต่ละประเทศ สิ่งนี้อาจกระทบต่อความสามารถในการขยายตัวและต้นทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ในขณะเดียวกัน การแข่งขันภายในประเทศที่รุนแรงจากผู้ผลิต EV รายใหม่ และการควบคุมต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้ รวมถึงการพิสูจน์ความเสถียรของระบบขับขี่อัตโนมัติ อีกทั้งคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Tesla, BYD, NIO ต่างเร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่และปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ XPeng ต้องรักษาความสามารถในการแข่งขันและความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีให้ได้ตลอดเวลา
อนาคตและโอกาสของ XPeng
แม้จะมีอุปสรรค แต่ XPeng ยังคงมีโอกาสมหาศาลรออยู่ข้างหน้า ด้วยจุดแข็งด้านเทคโนโลยี AI การพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ และการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ OTA
หนึ่งในความได้เปรียบของ XPeng คือความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นระบบ XPILOT ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแม่นยำ หรือระบบปฏิบัติการ Xmart OS ที่รองรับการอัปเดตแบบ OTA ช่วยสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์
การพัฒนาเทคโนโลยีรถบินได้ (Flying Car) ผ่าน XPeng AeroHT ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้บริษัทเป็นผู้บุกเบิกในตลาด Urban Air Mobility ที่มีศักยภาพสูง และเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ใหม่ในอนาคต นอกจากนี้ XPeng ยังสามารถต่อยอดรายได้ผ่านโมเดล Software-as-a-Service (SaaS) จากการขายบริการซอฟต์แวร์เสริมและฟีเจอร์แบบสมัครสมาชิก ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต
ด้วยการวางกลยุทธ์ที่ชัดเจน วิสัยทัศน์ระยะยาว และความสามารถในการปรับตัว XPeng มีศักยภาพที่จะไม่เพียงเป็นผู้นำในตลาด Smart EV แต่ยังกลายเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยี AI และการเคลื่อนที่อัจฉริยะระดับโลกอย่างแท้จริง
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
สนใจลงทุนในหุ้น XPeng และหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ จากทั่วโลกได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ที่ให้คุณเข้าถึงการลงทุนระดับโลกได้แบบไร้ขีดจำกัด สนใจเปิดบัญชีลงทุน
คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b