Airports Corporation of Vietnam (ACV) บริษัทผู้บริหารและเจ้าของสนามบินพาณิชย์ 22 แห่งทั่วเวียดนาม กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในอุตสาหกรรมการบินของภูมิภาค ด้วยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของจำนวนผู้โดยสาร โดยเฉพาะโครงการสำคัญอย่าง อาคารผู้โดยสาร T3 ของท่าอากาศยานเตินเซินเญิ้ต (โฮจิมินห์) ที่เปิดให้บริการแล้ว และ ท่าอากาศยานนานาชาติลองทั่ญ ซึ่งเป็นเมกะโปรเจกต์ระดับชาติ แม้ ACV จะมีขนาดกิจการและสัดส่วนรายได้เชิงพาณิชย์ที่ยังตามหลัง AOT ของไทย แต่โมเมนตัมการเติบโตและความสามารถในการสร้างรายได้ใหม่จากโครงการลงทุน กำลังเป็นจุดที่ทำให้นักลงทุนต้องหันมาจับตามอง
ACV คือใคร วันนี้อยู่ตรงไหน?
ACV คือรัฐวิสาหกิจที่บริหารจัดการสนามบินพาณิชย์หลักทั้งหมดของเวียดนาม รวมถึงท่าอากาศยานนานาชาติสำคัญอย่าง นอยไบ (Noi Bai) ในกรุงฮานอย และ เตินเซินเญิ้ต (Tan Son Nhat) ในนครโฮจิมินห์ ความสำคัญของ ACV ไม่ได้อยู่แค่ในบทบาทการบริหารสนามบินเท่านั้น แต่ยังเป็น “เครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” ของเวียดนามในช่วงที่ประเทศกำลังเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจขนาดใหญ่และเปิดกว้างสู่การท่องเที่ยวโลก ในปัจจุบัน หุ้น ACV ซื้อขายในกระดาน UPCoM แต่บริษัทกำลังเตรียมแผนและดำเนินกระบวนการเพื่อที่จะย้ายไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้มากขึ้น โดยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 กระทรวงการคลังเวียดนามได้เข้ามาเป็นผู้แทนเจ้าของทุนของรัฐ สะท้อนถึงการกำกับดูแลในระดับนโยบายที่ใกล้ชิด
ประวัติและจุดเริ่มต้นของ ACV
ACV ก่อตั้งขึ้นในเดือนกันยายน พ.ศ. 2557 จากการควบรวมกิจการของ 3 บริษัทที่บริหารท่าอากาศยานในเวียดนาม ได้แก่ Northern Airports Corporation, Central Airports Corporation และ Southern Airports Corporation ภายใต้มติของรัฐบาลเวียดนาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการบิน ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะยกระดับท่าอากาศยานของเวียดนามให้เป็นมาตรฐานสากลและรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ ทำให้ ACV กลายเป็นผู้ผูกขาดการบริหารท่าอากาศยานทั้งหมด 22 แห่ง และได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2560
โครงสร้างธุรกิจและรายได้
ปัจจุบัน รายได้ของ ACV ยังคงพึ่งพิงธุรกิจด้านการบิน (aeronautical revenue) เป็นหลักกว่า 80%เช่น ค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร ค่าบริการสายการบิน และค่า landing fee ในขณะที่รายได้จาก non-aeronautical อย่างร้านค้า ดิวตี้ฟรี และพื้นที่เชิงพาณิชย์ยังอยู่เพียงราว 20%เท่านั้น ซึ่งถือว่ายังต่ำเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการสนามบินในประเทศเพื่อนบ้าน แต่สิ่งนี้ก็เป็นโอกาสสำคัญที่ ACV กำลังจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรายได้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โครงการลงทุนครั้งใหญ่
ACV กำลังอยู่ในช่วงของการลงทุนครั้งสำคัญ ซึ่งจะเปลี่ยนโครงสร้างรายได้และขีดความสามารถของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ อาคารผู้โดยสาร T3 สนามบิน Tan Son Nhat (โฮจิมินห์) ซึ่งได้เปิดใช้งานแล้วในเดือนเมษายน 2568 และกำลังเพิ่มความจุผู้โดยสารในเส้นทางภายในประเทศได้อีกกว่า 20 ล้านคนต่อปี รวมถึง สนามบินนานาชาติ Long Thanhที่ถูกวางตัวให้เป็น “super hub” ของเวียดนามและอาเซียนตอนใต้ โดยโครงการเฟส 1 มีเป้าหมายจะเปิดให้บริการภายในวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ตามนโยบายของรัฐบาล และคาดว่าจะกลายเป็น "game changer" ของอุตสาหกรรมการบินเวียดนามในทศวรรษหน้า
เปรียบเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค
ACV มีจุดยืนที่น่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับผู้เล่นหลักในภูมิภาค:
เทียบกับ Airports of Thailand (AOT): AOT มีจุดแข็งตรงที่รายได้ non-aeronautical เกินกว่า 50% โดยเฉพาะจากสัมปทานดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ ทำให้มีกำไรสูงและยืดหยุ่นต่อวัฏจักรการบิน โมเดลของ AOT จึงเป็น benchmark สำคัญที่ ACV สามารถเรียนรู้และต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม แม้ AOT จะมีสเกลที่ใหญ่กว่า ACV ในปัจจุบัน แต่โมเมนตัมการเติบโตของเวียดนามที่กำลังเร่งขึ้นอย่างรวดเร็วจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ทำให้ ACV มีโอกาสไล่ตามและสร้างการเติบโตในอัตราที่สูงกว่าในอนาคต
เทียบกับ Beijing Capital International Airport (BCIA; 0694.HK): BCIA เป็นหนึ่งในสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ต้องเผชิญการแข่งขันรุนแรงจากสนามบินแห่งใหม่ในปักกิ่งอย่าง Daxing ที่เพิ่งเปิด ทำให้การฟื้นตัวหลังโควิดเป็นไปอย่างจำกัด และรายได้ยังพึ่งพิง aeronautical เป็นหลักถึงกว่า 70% ACV จึงมีจุดยืนที่แตกต่างออกไป คือการเป็นผู้เล่นหลักเพียงรายเดียวในตลาดที่ยังมีการเติบโตสูงและกำลังลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการแข่งขันภายในประเทศได้มาก
โอกาสและความท้าทาย
โอกาสของ ACV มาจากการเติบโตแบบ double-digit ของผู้โดยสาร ทั้งจากการท่องเที่ยวขาเข้าที่เวียดนามเป็นจุดหมายยอดนิยม และการเดินทางขาออกของคนเวียดนามที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนใน โครงการคอมเพล็กซ์ความบันเทิง (Entertainment Complex) ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับ ACV ในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากที่ดินรอบสนามบินและดึงดูดนักเดินทางคุณภาพสูงให้เข้ามาในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้จากทั้งธุรกิจการบินและธุรกิจที่ไม่ใช่การบินได้ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายจาก ข้อจำกัดด้าน foreign roomที่ทำให้สภาพคล่องหุ้นน้อยกว่าที่ควรจะเป็น โครงการใหญ่บางแห่งอย่างสนามบินลองทั่ญมีความเสี่ยงด้านกำหนดการที่อาจล่าช้ากว่าที่วางแผนไว้ และสัดส่วนรายได้ non-aeronautical ที่ยังเล็กก็อาจทำให้ความสามารถในการทำกำไรยังตามหลังคู่แข่งระดับภูมิภาค
มุมมองการลงทุน
ACV จึงถูกมองว่าเป็น “rising star” ของธุรกิจสนามบินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกำลังยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่าน จากผู้ให้บริการสนามบินแบบดั้งเดิมที่พึ่งพิงค่าธรรมเนียมการบิน ไปสู่การเป็น “aerotropolis operator” ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจ non-aero เหมือนที่ AOT ทำสำเร็จมาแล้ว หากโครงการ Long Thanh เปิดใช้งานจริง ACV จะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการบินใหม่ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย และอาจกลายเป็นเคสศึกษาของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เปลี่ยน landscape ของทั้งประเทศได้เลย
📱 ดาวโหลดและเปิดบัญชีกับ InnovestX คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
⚠️ คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งที่รับประกันผลงานในอนาคต เงินลงทุนอาจสูญหาย และควรศึกษาความเสี่ยงก่อนลงทุน