Honeywell International Inc. (NASDAQ: HON) บริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาที่จดทะเบียนในตลาด NASDAQ ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศในบ้านหรือระบบความปลอดภัยที่ผู้คนทั่วไปคุ้นเคย แต่คือผู้นำด้านเทคโนโลยีอัตโนมัติและการบินที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ ด้วยผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่หลากหลาย ตั้งแต่ระบบการบินในเครื่องบินพาณิชย์และการทหาร ระบบอัตโนมัติในอาคารสำนักงาน ไปจนถึงเทคโนโลยีการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม Honeywell ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้โลกปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในปัจจุบันกำลังขยายขอบเขตธุรกิจสู่เทรนด์ใหม่อย่างเทคโนโลยีการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการบินแห่งอนาคต
Honeywell International ได้ประโยชน์ทางอ้อม (Indirect Benefit) จาก tariff โดยสามารถปรับฐานการผลิตและซัพพลายเชนไปยังภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจาก Tariff ที่น้อยกว่า จัดการต้นทุนอย่างยืดหยุ่นด้วยกลยุทธ์ปรับราคาและ Surcharge ซึ่งคือค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เรียกเก็บนอกเหนือจากราคาหลักหรือค่าธรรมเนียมพื้นฐาน พร้อมทั้งตอบโจทย์ลูกค้าและภาครัฐ ที่ต้องการซัพพลายเออร์ที่มีความมั่นคงในประเทศ ส่งผลให้ Honeywell สามารถเข้าถึงดีลสำคัญและรักษาความสามารถในการทำกำไรได้เหนือกว่าคู่แข่งในสถานการณ์ Tariff และความไม่แน่นอนทางการค้า
Honeywell ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1906 โดยเริ่มต้นจากการผลิตเครื่องควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ (Thermostat) ที่ช่วยปรับอุณหภูมิในบ้านให้คงที่ ด้วยชื่อว่า Minneapolis Heat Regulator Company ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 บริษัทขยายธุรกิจไปสู่ระบบควบคุมสำหรับอุตสาหกรรมและอาคารต่างๆ โดยการรวมตัวกับ Honeywell Heating Specialty Company ทำให้เกิดเป็น Honeywell Inc. ตั้งแต่ปี 1927 เป็นต้นมา
ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง Honeywell ได้ขยายเข้าสู่ธุรกิจการบินและการทหาร ด้วยการพัฒนาระบบควบคุมการบินอัตโนมัติและระบบเครื่องมือวัดสำหรับเครื่องบิน ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1960-1970 บริษัทได้เข้าสู่ธุรกิจคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ก่อนจะปรับโฟกัสกลับมาที่ธุรกิจหลักด้านการควบคุมและระบบอัตโนมัติ ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 21 Honeywell ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทต่างๆมากมาย เพื่อขยายความเชี่ยวชาญในด้านอัตโนมัติอุตสาหกรรม ระบบความปลอดภัย และเทคโนโลยีการบิน จนกลายเป็นกลุ่มธุรกิจครบวงจรแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พร้อมทั้งการปรับแนวทางสู่การเป็นบริษัทโซลูชันซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น
Honeywell International มีโครงสร้างรายได้ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจหลัก
1. Aerospace Technologies -42% ของรายได้รวม
กลุ่มธุรกิจนี้มุ่งเน้นการผลิตระบบและอุปกรณ์สำหรับอากาศยานที่หลากหลาย ทั้งเครื่องบินพาณิชย์ เครื่องบินทหาร และอากาศยานส่วนตัว ซึ่งรวมถึงระบบควบคุมการบิน ระบบขับเคลื่อน ระบบนำทางและสื่อสาร รวมถึงบริการหลังการขายและการบำรุงรักษาอากาศยาน กลุ่มธุรกิจนี้เป็นแกนหลักที่ใหญ่ที่สุดและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความต้องการในการเดินทางทางอากาศที่ฟื้นตัว รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีการบินอวกาศขั้นสูง
2. Industrial Automation -24% ของรายได้รวม
ธุรกิจนี้ให้บริการโซลูชั่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ครอบคลุมระบบควบคุมกระบวนการผลิต ซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสำหรับคลังสินค้า ตลอดจนอุปกรณ์เซ็นเซอร์และสแกนเนอร์ กลุ่มธุรกิจนี้คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีจากความต้องการระบบอัตโนมัติและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดต้นทุนการผลิต
3. Building Automation -17% ของรายได้รวม
กลุ่มธุรกิจนี้เน้นเทคโนโลยีสำหรับบ้านและอาคารที่ทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และยั่งยืนมากขึ้น สำหรับทั้งอาคารพาณิชย์และที่อยู่อาศัย ซึ่งรวมถึงระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ระบบรักษาความปลอดภัยและเตือนภัย ระบบควบคุมการเข้า-ออก และระบบบริหารจัดการพลังงาน กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มการเติบโตจากเมกะเทรนด์ของการสร้างอาคารอัจฉริยะ (Smart Buildings) ที่เน้นประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ความปลอดภัย และความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น
4. Energy and Sustainability Solutions -17% ของรายได้รวม
หน่วยธุรกิจนี้มุ่งเน้นโซลูชั่นและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและความยั่งยืน ครอบคลุมเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี การกลั่นน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการผลิตวัสดุประสิทธิภาพสูงและผลิตภัณฑ์พิเศษทางเคมี นอกจากนี้ยังรวมถึงเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนและการดักจับคาร์บอน กลุ่มธุรกิจนี้มีศักยภาพการเติบโตที่สูงมากจากความต้องการโซลูชั่นด้านพลังงานสะอาดและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของหลายๆประเทศ
Honeywell วางกลยุทธ์การเติบโตผ่านการพัฒนาระบบนิเวศเทคโนโลยีแบบครบวงจร โดยมุ่งเน้นการผสานฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการเข้าด้วยกัน ผ่านแพลตฟอร์ม Honeywell Forge ที่เป็นระบบการจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์แบบครบวงจร ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานได้แบบเรียลไทม์
จุดแข็งที่โดดเด่นคือความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และตลาดที่ให้บริการ ทำให้บริษัทมีการกระจายความเสี่ยงได้ดี และสามารถใช้เทคโนโลยีร่วมกันข้ามกลุ่มธุรกิจได้ นอกจากนี้ Honeywell ยังมีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนามาอย่างยาวนาน โดยลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น เทคโนโลยี Quantum Computing
บริษัทยังมีกลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายขีดความสามารถทางเทคโนโลยีและเข้าถึงตลาดใหม่ พร้อมทั้งมีแผนการปรับโครงสร้างองค์กรในอนาคต ด้วยการแยกธุรกิจออกเป็นบริษัทย่อยเฉพาะทาง เพื่อให้แต่ละหน่วยธุรกิจสามารถมุ่งเน้นพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพ
เทียบกับ Safran SA (SAFP) ในฝรั่งเศส: บริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีอากาศยานและระบบป้องกันชั้นนำของยุโรปที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเครื่องยนต์อากาศยาน (ผ่าน Safran Aircraft Engines) ระบบช่วยลงจอด ระบบนำร่อง และอุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร โดย Safran มีบทบาทสำคัญใน supply chain ของเครื่องบินพาณิชย์ทั่วโลก
Honeywell และ Safran ต่างเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มีรากฐานมั่นคงในอุตสาหกรรมการบิน ทั้งคู่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับอากาศยาน ระบบนำร่อง การควบคุมการบิน และระบบความปลอดภัย โดยมีลูกค้าหลักเป็นผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์และกองทัพของประเทศต่างๆทั่วโลก จุดต่างที่สำคัญคือ Honeywell เป็นบริษัทที่มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลายมากกว่า ครอบคลุมทั้งระบบควบคุมอุตสาหกรรม ระบบอาคารอัจฉริยะ วัสดุขั้นสูง และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ซึ่งทำให้ Honeywell มีรายได้ที่กระจายตัวและไม่พึ่งพิงอุตสาหกรรมการบินเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ Safran มีความเชี่ยวชาญลึกและเฉพาะด้านในอุตสาหกรรมการบินและกลาโหม โดยเฉพาะเทคโนโลยีเครื่องยนต์และระบบบนเครื่องบินที่อยู่ในระดับแนวหน้าของโลก
เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทไทยที่ เทียบเคียงได้ครบทุกมิติและมีขนาดใกล้เคียงกับ Honeywell นั้น ยังไม่มี เนื่องจาก Honeywell เป็นบริษัท Global Conglomerate หรือ บริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกที่ประกอบธุรกิจหลากหลายประเภทภายใต้กลุ่มบริษัทเดียวกัน ที่มีทั้งเทคโนโลยีขั้นสูง งานวิจัยและพัฒนาที่เป็นนวัตกรรมระดับโลก และการครอบคลุมในหลายอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตามกลุ่มธุรกิจหลัก จะเห็นว่ามีบริษัทไทยที่มีความคล้ายคลึงในบางส่วนของธุรกิจ เช่น DELTA ในด้าน Building Automation, บริษัทกลุ่ม ปตท. ในด้าน Energy & Materials, และ THAI ในด้าน MRO อากาศยาน เป็นต้น แต่ไม่มีบริษัทใดที่เป็นเหมือน Honeywell ทั้งหมด ที่ดำเนินธุรกิจหลากหลายในระดับเดียวกัน
Honeywell เผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการบินที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่หลังสถานการณ์โควิด-19 และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดเทคโนโลยีอัตโนมัติจากผู้เล่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้ ความผันผวนของราคาพลังงานและวัตถุดิบส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ขณะที่การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยอาจต้องใช้การลงทุนเพิ่มเติมในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต ความซับซ้อนของการดำเนินธุรกิจในหลายประเทศและหลายอุตสาหกรรมยังสร้างความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการและการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละตลาด
อนาคตของ Honeywell มีแนวโน้มสดใสจากเทรนด์การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั่วโลก ธุรกิจเทคโนโลยีการบินมีโอกาสเติบโตจากการฟื้นตัวของการเดินทางและความต้องการเครื่องบินใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยีการบินแห่งอนาคตอย่างเครื่องบินไฟฟ้าและระบบนำทางอัตโนมัติเปิดตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง ด้านอัตโนมัติอุตสาหกรรม โอกาสจากการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสหกรรมยุคใหม่ และความต้องการระบบผลิตที่ยืดหยุ่นและประหยัดพลังงาน ส่วนธุรกิจพลังงานและความยั่งยืนมีศักยภาพเติบโตสูงจากนโยบาย Net Zero ของประเทศต่างๆ และการลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานทดแทน
สนใจลงทุนในหุ้น Honeywell (ticker: HON) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน
คลิกเลย! 👉https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน