Keyword
Company History

Palantir (PLTR.US) จาก “เครื่องมือลับของ CIA” สู่หุ้น AI ที่พานักลงทุนกำไรพุ่ง 830% ใน 3 ปี

15 May 25 1:14 PM
PLTR
สรุปสาระสำคัญ

Palantir Technologies (PLTR) บริษัทซอฟต์แวร์สัญชาติสหรัฐฯ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการวิเคราะห์ข้อมูลองค์กรและภาครัฐ ด้วยเทคโนโลยี “Ontology” ที่ช่วยเชื่อมโยงข้อมูลมหาศาลให้กลายเป็นภาพรวมที่เข้าใจง่ายและ actionable โดยแม้แต่นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ยังยอมรับว่าเทคโนโลยีของ Palantir แทบไม่มีคู่แข่งในตลาด จากจุดเริ่มต้นในฐานะเครื่องมือของหน่วยข่าวกรอง CIA วันนี้ Palantir ได้พัฒนาเป็นแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะที่องค์กรระดับโลกใช้ในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ หากคุณเคยพลาดโอกาสในหุ้นอย่าง Facebook หรือ Tesla นี่อาจเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม

จากบริษัทลับสู่ผู้นำด้าน AI เพื่อธุรกิจ

 

Palantir ก่อตั้งขึ้นในปี 2003 โดย Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal และเป็นนักลงทุนรายแรกของ Facebook ร่วมกับ Alex Karp ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัท น่าสนใจที่ชื่อ "Palantir" มาจากวัตถุในเรื่อง Lord of the Rings ที่ใช้มองเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ทั่วโลก สะท้อนวิสัยทัศน์ของบริษัทได้เป็นอย่างดี


ในช่วงแรก Palantir มุ่งเน้นการให้บริการเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ เช่น CIA, FBI และกองทัพ แต่ต่อมาได้ขยายธุรกิจสู่ภาคเอกชน โดยมีลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การบิน พลังงาน และการผลิต

 

ปัจจุบัน Palantir มีผลิตภัณฑ์หลัก 3 กลุ่มที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท:


1. Palantir Gotham - แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรด้านความมั่นคง
2. Palantir Foundry - แพลตฟอร์มสำหรับภาคธุรกิจที่ช่วยให้องค์กรใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างเต็มที่
3. Artificial Intelligence Platform (AIP) - นวัตกรรมล่าสุดที่ผสมผสาน AI กับระบบ Ontologyซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัท


"Ontology" ในที่นี้หมายถึงโครงสร้างข้อมูลที่ใช้จัดระเบียบและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของข้อมูลภายในองค์กรอย่างเป็นระบบ ช่วยให้ AI เข้าใจความหมายบริบทของข้อมูลได้ลึกขึ้น และสามารถให้คำแนะนำหรือวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำและตรงจุดยิ่งขึ้น

 

โครงสร้างธุรกิจและกลยุทธ์การเติบโต

 

ในด้านสัดส่วนรายได้ของ Palantir แบ่งเป็นสองกลุ่มหลัก:

  1. ภาครัฐ – 55%
    กลุ่มลูกค้าหลักดั้งเดิมของ Palantir ที่ใช้แพลตฟอร์มในการวิเคราะห์ข้อมูลด้านความมั่นคง ป้องกันประเทศ และข่าวกรอง โดยมีหน่วยงานรัฐของสหรัฐฯ เป็นลูกค้าหลัก เช่น กระทรวงกลาโหม (DoD), CIA และ CDC
    กลุ่มนี้ยังคงเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง และมีแนวโน้มขยายตัวจากความต้องการเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในภาครัฐของประเทศพันธมิตรสหรัฐฯ ทั่วโลก
  2. ภาคเอกชน – 45%
    กลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่ง Palantir เน้นเจาะตลาดอุตสาหกรรม เช่น พลังงาน, สาธารณสุข, การเงิน และการผลิต ด้วยแพลตฟอร์ม Foundry ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจ
    ภาคเอกชนในต่างประเทศยังเติบโตในอัตราที่ช้ากว่า แต่มีศักยภาพขยายตัวสูง โดย Palantir เริ่มลงทุนเพิ่มในโครงสร้างพื้นฐาน ทีมขาย และการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับบริษัทท้องถิ่น

PLT.png
กลยุทธ์การเติบโตของ Palantir เน้นการเร่งปิดการขายผ่าน Palantir AIP Bootcamp (โปรแกรมทดลองใช้งานระยะสั้นที่ช่วยให้ลูกค้าเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้น), การขยายฐานลูกค้าองค์กรด้วยดีลขนาดใหญ่ และการเพิ่มการใช้จ่ายจากลูกค้าเดิม ซึ่งสะท้อนผ่านอัตราการรักษาลูกค้าสุทธิที่แข็งแกร่ง

 

เปรียบเทียบกับคู่แข่งระดับโลก

 

เทียบกับ Snowflake (SNOW) ในสหรัฐอเมริกา: ทั้ง Snowflake และ Palantir เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีข้อมูล แต่มีแนวทางต่างกันอย่างชัดเจน Snowflake เน้นบริการคลังข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud Data Warehouse) ที่ยืดหยุ่นและใช้งานง่ายสำหรับองค์กรทั่วไป ขณะที่ Palantir เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกระดับยุทธศาสตร์ เหมาะสำหรับภารกิจซับซ้อนของภาครัฐและองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ความมั่นคงและโลจิสติกส์ ทำให้ Palantir โดดเด่นในด้านการประยุกต์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่ซับซ้อนมากกว่า

 

เปรียบเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย

 

เทียบกับ INET และ DITTO: แม้ในตลาดไทยจะยังไม่มีบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจแบบ Palantir โดยตรง แต่ INET ซึ่งเน้นบริการคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ และ DITTO ที่เชี่ยวชาญระบบจัดเก็บเอกสารและ AI พื้นฐาน ต่างมีบทบาทในโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลขององค์กรไทย อย่างไรก็ตาม Palantir มีความได้เปรียบชัดเจนทั้งในด้านเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และการใช้งานระดับยุทธศาสตร์ เช่น ความมั่นคงและภาครัฐระดับสูง ทำให้กลุ่มลูกค้าและความซับซ้อนของโซลูชันเหนือกว่าผู้ให้บริการเทคโนโลยีในไทยอย่างมาก

 

ความท้าทายและการแข่งขันในตลาด

 

แม้ว่า Palantir จะมีจุดแข็งด้านเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและฐานลูกค้าภาครัฐที่มั่นคง แต่บริษัทยังคงเผชิญกับความท้าทายสำคัญในหลายด้าน โดยเฉพาะการแข่งขันที่รุนแรงจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft และ Google ซึ่งมีทรัพยากรด้านเงินทุน บุคลากร และช่องทางเข้าถึงลูกค้าที่เหนือกว่า และกำลังเร่งพัฒนาโซลูชัน AI สำหรับองค์กรเช่นกัน นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนจาก Fidelity และนักวิเคราะห์จาก JP Morgan Chase ยังชี้ถึงความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้ภาครัฐในสัดส่วนที่สูง ซึ่งอาจกระทบต่อความยืดหยุ่นของโมเดลธุรกิจในระยะยาว ขณะเดียวกัน ความพยายามในการขยายตลาดสู่ภาคเอกชนและต่างประเทศยังต้องเผชิญกับอุปสรรค ทั้งในด้านต้นทุนการเปลี่ยนระบบ ความซับซ้อนของแพลตฟอร์ม และระยะเวลาการลงทุนเพื่อให้เทคโนโลยี Ontology สามารถสร้างผลตอบแทนเชิงพาณิชย์ได้อย่างชัดเจน

 

โอกาสและแผนการเติบโต

 

Palantir มีโอกาสการเติบโตที่น่าสนใจในหลายมิติ การขยายธุรกิจจากภาครัฐสู่ภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลังงาน การเงิน และการผลิต แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของแพลตฟอร์ม Foundry และ AIP ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กร นอกจากนี้ กลยุทธ์ AIP Bootcamp ที่เปิดให้ลูกค้าทดลองใช้จริงก่อนตัดสินใจ ยังช่วยเร่งกระบวนการขายและขยายฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การผสานเทคโนโลยี Ontology เข้ากับ AI ยังเป็นจุดแข็งที่ช่วยให้ Palantir สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด และสามารถตอบโจทย์การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งการลงทุนเพื่อขยายตลาดในต่างประเทศและสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับบริษัทท้องถิ่น ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว

 

สนใจลงทุนในหุ้น Palantir (Ticker:PLTR) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

Stocks Mentioned
PLTR.N
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5