Keyword
Company History

Sanofi (SANP/SNY) ฮีโร่ผู้ปิดทองหลังวัคซีน ผู้จัดหาวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอแบบฉีดรายแรกของโลก

2 Jul 25 10:32 AM
Sanofi (SANP/SNY) ฮีโร่ผู้ปิดทองหลังวัคซีน ผู้จัดหาวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอแบบฉีดรายแรกของโลก
สรุปสาระสำคัญ

Sanofi (SANP/SNY) บริษัทยาและวัคซีนชั้นนำจากฝรั่งเศสที่จดทะเบียนใน NASDAQ และ Euronext Paris กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการสุขภาพโลก ด้วยการเป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก ที่ปกป้องชีวิตคนครึ่งพันล้านคนทั่วโลกด้วยวัคซีนหลากหลายชนิด จากโปลิโอ ไข้หวัดใหญ่ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไปจนถึงโรคพิษสุนัขบ้า ที่น่าตื่นเต้นคือ Sanofi กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาวัคซีนด้วยเทคโนโลยี mRNA ที่จะใช้ต่อสู้กับโรค RSV (Respiratory Syncytial Virus) ไข้หวัดใหญ่ และแม้แต่สิว ทำให้บริษัทแห่งนี้กลายเป็นตัวเล่นสำคัญในการปฏิวัติวงการสุขภาพอนาคต

จากอดีตศตวรรษสู่ยุคนวัตกรรม mRNA

 

Sanofi มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ โดยก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในฝรั่งเศสเมื่อปี 1973 แต่รากฐานของบริษัทสามารถย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 18 จากการรวมตัวของบริษัทยาและสุขภาพหลายร้อยบริษัททั่วโลก จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 1923 เมื่อ Sanofi นำอินซูลินมาใช้รักษาโรคเบาหวาน ซึ่งเปลี่ยนชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานไปตลอดกาล ต่อมาในทศวรรษ 1980 บริษัทได้บุกเบิกงานวิจัยในโรคหายาก โดยศึกษา Lysosomal Storage Disorders ที่นำไปสู่การค้นพบ Enzyme Replacement Therapy สำหรับโรค Gaucher, Fabry และ Pompe ที่ไม่เคยมียารักษามาก่อน การพัฒนาวัคซีนของ Sanofi เริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ผลิตวัคซีนโปลิโอชนิดฉีดรายแรกของโลก ตามด้วยวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และโรคพิษสุนัขบ้า และล่าสุด Sanofi ได้เพิ่มเทคโนโลยี mRNA เข้าสู่แพลตฟอร์มการพัฒนาวัคซีน เพื่อสร้างวัคซีนชั้นนำในอนาคตสำหรับโรค RSV ไข้หวัดใหญ่ คลามิเดีย และแม้แต่สิว

 

 

โครงสร้างรายได้จากการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร

 

Sanofi มีโครงสร้างรายได้ที่หลากหลายและมั่นคง แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่

  1. Vaccines - 35% ของรายได้รวม

เป็นธุรกิจหลักที่ทำให้ Sanofi เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก ครอบคลุมวัคซีนสำหรับทุกช่วงวัย จากเด็กทารกไปจนถึงผู้สูงอายุ รวมถึงวัคซีนเดินทางและวัคซีนสำหรับสัตว์ กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการเพิ่มขึ้นของความตระหนักในการป้องกันโรค การขยายตัวของประชากรสูงอายุ และการพัฒนาวัคซีน mRNA ใหม่

  1. Specialty Care - 45% ของรายได้รวม

รวมยาสำหรับโรคหายากและยาเฉพาะทาง อาทิ ยารักษาโรคเลือด ยาสำหรับโรคภูมิคุ้มกัน ยาโรคระบบประสาท และยาโรคเบาหวาน กลุ่มธุรกิจนี้มีมาร์จิ้นกำไรสูงและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของโรคเรื้อรังและโรคหายาก

  1. General Medicines - 20% ของรายได้รวม

ยาทั่วไปและยาที่หมดอายุสิทธิบัตรแล้ว แม้จะมีการแข่งขันสูงแต่ให้กระแสเงินสดที่มั่นคงสำหรับการลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา

 

sanofi.png

 

โครงสร้างรายได้ที่กระจายตัวนี้ช่วยให้ Sanofi มีความยืดหยุ่นในการรับมือกับความผันผวนของตลาดยาและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

 

 

กลยุทธ์การขับเคลื่อนนวัตกรรมสู่อนาคต

 

Sanofi วางกลยุทธ์การเติบโตผ่านการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาอย่างหนัก โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี mRNA ที่จะช่วยพัฒนาวัคซีนชั้นนำในอนาคต บริษัทมุ่งเน้นการขยายไปยังตลาดเกิดใหม่ที่มีความต้องการวัคซีนและยารักษาโรคสูง พร้อมกับสร้างพันธมิตรกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มการเข้าถึงยาในพื้นที่ที่ขาดแคลน

 

จุดแข็งที่โดดเด่นของ Sanofi คือ Global Reach ที่ครอบคลุม 70 ประเทศทั่วโลก ด้วยพนักงานมากกว่า 83,000 คน ทำให้สามารถเข้าถึงตลาดได้อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ บริษัทยังมี Humanitarian Program ที่เป็นรายแรกในอุตสาหกรรม ให้ยาฟรีแก่ผู้ที่เผชิญอุปสรรคทางการเงินหรือโลจิสติกส์ ซึ่งช่วยสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในระดับโลก

 

 

การเปรียบเทียบกับคู่แข่งระดับโลก

 

เทียบกับ Pfizer (PFE) ในสหรัฐอเมริกา: Pfizer บริษัทเวชภัณฑ์ ก่อตั้งในปี 1849 มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยาโลก โดยเน้นการพัฒนาและจำหน่ายยานวัตกรรม รวมถึงวัคซีน เช่น Comirnaty สำหรับ COVID-19 ที่เป็นความร่วมมือกับ BioNTech ทั้ง Pfizer และ Sanofi ต่างแข่งขันในตลาดโลกด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกัน ได้แก่ Innovative Drug (ยาใหม่ที่มีนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีล้ำสมัยในการรักษาโรค) วัคซีน และการรักษาโรคเฉพาะทาง โดยมีฐานลูกค้าเป็นทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก กลยุทธ์ของทั้งสองบริษัทมุ่งสู่การพัฒนา R&D อย่างเข้มข้น พร้อมลงทุนในเทคโนโลยีชีวภาพและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ เพื่อขยายพอร์ตและเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาโรคซับซ้อน

 

อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างชัดเจนคือ Pfizer มีความแข็งแกร่งด้าน Oncology และ Vaccine ที่พัฒนาเร็วโดยอาศัยความร่วมมือภายนอก ส่วน Sanofi เน้นการพัฒนาโรคหายาก (Rare Diseases), ภูมิแพ้ และวัคซีนผ่าน Sanofi Pasteur ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก อีกทั้งยังมุ่งกระจายธุรกิจในตลาดเกิดใหม่มากกว่าคู่แข่งในอเมริกาเหนือ โครงสร้างรายได้ของ Pfizer กระจุกตัวในยาชื่อสามัญและวัคซีนใหม่ ขณะที่ Sanofi มีความหลากหลายและสม่ำเสมอในกลุ่มยาเรื้อรัง ยาชีวภาพ และวัคซีนที่มีอายุตลาดนานกว่า

 

 

เปรียบเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย

 

เทียบกับ บริษัท ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) (BIOTEC): BIOTEC หรือศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติของไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 1983 ภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยมีเป้าหมายในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อยกระดับความสามารถด้านสุขภาพ เกษตร และอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศ

 

แม้ BIOTEC และ Sanofi ดำเนินงานในบริบทที่แตกต่างกัน ทั้งสองมีเป้าหมายร่วมในการสร้างนวัตกรรมทางชีวภาพและสนับสนุนการเข้าถึงสุขภาพที่ดีผ่านงานวิจัย โดย BIOTEC มุ่งเน้นการเป็นแหล่งวิจัยระดับประเทศและภูมิภาค ส่วน Sanofi ใช้โมเดลธุรกิจเชิงพาณิชย์ โดยมีรายได้หลักจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาและวัคซีนทั่วโลก ทั้งคู่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และอุตสาหกรรม จุดต่างหลักอยู่ที่บทบาทในระบบเศรษฐกิจ BIOTEC ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานสนับสนุนงานวิจัย ไม่มุ่งแสวงหากำไรโดยตรง และเน้นการพัฒนาองค์ความรู้และบุคลากรในประเทศ ขณะที่ Sanofi มีกลยุทธ์เชิงธุรกิจที่มุ่งสร้างการเติบโตจากตลาดโลกด้วยนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ เช่น ยาชีวภาพสำหรับโรคหายาก และวัคซีนผ่านบริษัทลูก Sanofi Pasteur อีกทั้งยังมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วโลก ในขณะที่ BIOTEC ทำหน้าที่เป็นผู้สร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีให้กับประเทศและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

 

 

ความท้าทายในวงการยาที่แข่งขันสูง

 

แม้ Sanofi จะมีตำแหน่งแข็งแกร่งในตลาดโลก แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ การแข่งขันในตลาดวัคซีนที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะจากบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพรายใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี mRNA การหมดอายุสิทธิบัตรของยาสำคัญบางตัวที่อาจกระทบต่อรายได้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบด้านสุขภาพในแต่ละประเทศที่อาจส่งผลต่อการเข้าถึงตลาด นอกจากนี้ การลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาที่สูงแต่ไม่รับประกันผลสำเร็จ ยังเป็นความเสี่ยงที่บริษัทต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบ

 

 

อนาคตและโอกาสในยุคเทคโนโลยี mRNA

 

อนาคตของ Sanofi มีแสงแห่งความหวังสูงจากการเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี mRNA ในกลุ่มโรคใหม่ ๆ ที่นอกเหนือจาก COVID-19 โอกาสสำคัญมาจากการพัฒนาวัคซีน RSV ที่มีตลาดศักยภาพสูง เนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ การขยายเทคโนโลยี mRNA ไปยังไข้หวัดใหญ่ซึ่งต้องมีการพัฒนาวัคซีนใหม่ทุกปี และแม้แต่การพัฒนาวัคซีนป้องกันสิวที่จะเปิดตลาดใหม่โดยสิ้นเชิง

 

การเติบโตของประชากรสูงอายุทั่วโลกยังเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจวัคซีนและยาโรคเรื้อรัง ขณะที่การเพิ่มขึ้นของความตระหนักด้านสุขภาพหลังโควิด-19 ทำให้ตลาดวัคซีนมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ โปรแกรมด้านมนุษยธรรมของ Sanofi ยังช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงตลาดเกิดใหม่และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในระยะยาว

 

 

สนใจลงทุนในหุ้น Sanofi (Ticker: SNY & SANP หรือ DR:SANOFI80) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

Stocks Mentioned
SANP.CHI
SNY.NB
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5