Keyword
Company History

SoftBank (9984.T) ไม่ใช่ธนาคาร...แต่คือ “Berkshire แห่งญี่ปุ่น” ที่ล่าดีลสตาร์ทอัพเทคโนโลยีระดับโลก

18 Jun 25 11:04 AM
SoftBank (9984.T) ไม่ใช่ธนาคาร...แต่คือ “Berkshire แห่งญี่ปุ่น” ที่ล่าดีลสตาร์ทอัพเทคโนโลยีระดับโลก
สรุปสาระสำคัญ

SoftBank Group Corp. (9984.T) บริษัทโฮลดิ้งการลงทุนยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นโตเกียว (Tokyo Stock Exchange: TSE) ที่โลกเทคโนโลยีต้องหยุดมองทุกครั้งที่มีการลงทุนล่าสุดด้วยการปล่อยเงินลงทุนใน OpenAI ถึง 10.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท AI ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก 260 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การลงทุนครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากการเป็น "นักล่าเอกอัตราโลก" ที่ล่วงรู้เทรนด์เทคโนโลยีก่อนใครมาตลอด 40 ปี จากการลงทุนใน Yahoo ตั้งแต่ยุคอินเทอร์เน็ตเพิ่งเกิด การซื้อ Alibaba ตอนยังไม่มีใครรู้จัก ไปจนถึงการครอบครอง Arm Holdings ผู้ผลิตสถาปัตยกรรมชิปที่ขับเคลื่อนเกือบทุกอุปกรณ์เทคโนโลยีในโลก วันนี้ SoftBank Group กลายเป็นจักรวรรดิการลงทุนที่มีมูลค่าสินทรัพย์กว่า 25 ล้านล้านบาท พร้อมกับวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนการปฏิวัติ AI และนวัตกรรมเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลกในอนาคต

จากการมองเห็นอนาคตยุค PC สู่ราชาการลงทุนเทคโนโลยี

 

เรื่องราวของ SoftBank เริ่มขึ้นในปี 1978 เมื่อ Masayoshi Son นักศึกษาญี่ปุ่นที่ University of California, Berkeley เห็นภาพไมโครชิปในนิตยสารวิทยาศาสตร์และเชื่อว่ายุคคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลใกล้จะมาถึง หลังเรียนจบ เขากลับญี่ปุ่นและก่อตั้ง Nihon SoftBank ในปี 1981 ด้วยแนวคิดเป็น “ธนาคารซอฟต์แวร์” ที่จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของสังคมสารสนเทศใหม่
ในช่วงปี 1982–1985 SoftBank เริ่มตีพิมพ์นิตยสารเทคโนโลยีอย่าง Oh! PC และ Oh! MZ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ก่อนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นโตเกียวในปี 1994 และเริ่มขยายกิจการในสหรัฐฯ รวมถึงการลงทุนใน Yahoo ปี 1995 และก่อตั้ง Yahoo Japan ปี 1996


จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เกิดในปี 2000 เมื่อลงทุนใน Alibaba ซึ่งต่อมากลายเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในโลก ต่อมาในปี 2006 SoftBank ซื้อกิจการ Vodafone Japan และเปิดตัว iPhone 3G เป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นในปี 2008


ปี 2013 ซื้อ Sprint Corporation และควบรวมกับ T-Mobile US ในปี 2020 ปี 2016 ซื้อ ARM Holdings และในปี 2017 ก่อตั้ง Vision Fund มูลค่าเกือบ 100 พันล้านดอลลาร์


ล่าสุดปี 2024 SoftBank ลงทุนใน OpenAI มูลค่า 10.4 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนบทบาท “นักล่าอนาคต” ที่มองไกลเกินใครมาตลอดหลายทศวรรษ

 

 

โครงสร้างรายได้ที่หลากหลายจากทั้งธุรกิจโทรคมนาคมและการลงทุนระดับโลก


SoftBank Group มีโครงสร้างรายได้ที่ผสมผสานระหว่างรายได้ที่มั่นคงจากธุรกิจโทรคมนาคมในญี่ปุ่น และรายได้ที่ผันผวนแต่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงจากการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่


1. SoftBank Corp. (ธุรกิจโทรคมนาคมในญี่ปุ่น) – 42.3% ของรายได้รวม
กลุ่มธุรกิจที่ให้บริการมือถือ, อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และการขายอุปกรณ์แก่ลูกค้ารายย่อยและองค์กรในญี่ปุ่น ถือเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง มีลูกค้าจำนวนมากและอัตราการใช้งานต่อเนื่องสูง นอกจากนี้ยังมีการให้บริการคลาวด์ โซลูชัน IoT และบริการด้านพลังงานในประเทศ เสริมความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดในกลุ่มนี้


2. Investment Business (Vision Fund, LatAm Fund, Strategic Holdings) – 33.9% ของรายได้รวม
กลุ่มธุรกิจลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก เช่น Arm, ByteDance, Grab, DoorDash และบริษัท AI หรือ Cloud ต่าง ๆ ผ่าน Vision Fund และกองทุนอื่น รายได้ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มาจากการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าการลงทุน (Gain/Loss from Investments) ซึ่งผันผวนตามภาวะตลาดและมูลค่ากิจการที่ลงทุน


3. Other Businesses (Arm, Fortress, Z Holdings ฯลฯ) – 23.8% ของรายได้รวม
กลุ่มธุรกิจที่เหลือ เช่น
- Arm: รายได้จากการให้ license และ royalty เทคโนโลยีชิป
- Investment Group: รายได้จากการบริหารสินทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์
- Z Holdings (LINE, Yahoo Japan เดิม): รายได้จากโฆษณาออนไลน์และอีคอมเมิร์ซในญี่ปุ่น
แม้จะไม่ใช่ธุรกิจหลัก แต่กลุ่มนี้ช่วยเสริมสร้างความหลากหลายของรายได้และโอกาสเติบโตในระยะยาว

 

Picture2.png
 

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและจุดแข็ง


SoftBank Group มีกลยุทธ์หลักคือการเป็น "Strategic Investment Holding Company" ที่เน้นการลงทุนในเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลก โดยมุ่งเน้นการลงทุนใน AI, robotics, autonomous driving และ biotech ด้วยวิสัยทัศน์ที่เชื่อว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต

 

จุดแข็งสำคัญของบริษัทคือความสามารถในการระดมทุนขนาดใหญ่ผ่าน SoftBank Vision Funds และการมีเครือข่ายความสัมพันธ์กับนักลงทุนสถาบันทั่วโลก รวมถึงประสบการณ์มากว่า 40 ปีในการลงทุนเทคโนโลยี การมี Masayoshi Son เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ล้ำหน้าและความสามารถในการมองเห็นเทรนด์เทคโนโลยีก่อนคนอื่น
บริษัทยังมีความได้เปรียบในด้านการสร้าง synergy ระหว่างบริษัทในเครือ เช่น การใช้ Arm ในการพัฒนาชิป AI สำหรับบริษัทที่ลงทุนใน Vision Funds หรือการใช้เครือข่าย SoftBank Corp. ในการทดสอบเทคโนโลยีใหม่

 

 

การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง:  


เทียบกับ Berkshire Hathaway (BRK.A): บริษัทโฮลดิ้งการลงทุนชื่อดังที่นำโดย Warren Buffett ทั้งสองบริษัทมีรูปแบบธุรกิจที่คล้ายกันในการเป็นบริษัทโฮลดิ้งการลงทุน แต่ Berkshire Hathaway เน้นการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผลประกอบการมั่นคงและจ่ายเงินปันผล ขณะที่ SoftBank Group เน้นการลงทุนในเทคโนโลยีเก็บเกี่ยวที่มีศักยภาพการเติบโตสูงแต่มีความเสี่ยงมากกว่า Berkshire มีแนวทางการลงทุนแบบ value investing ส่วน SoftBank ใช้แนวทาง growth investing ที่เน้นบริษัทเทคโนโลยีโอลด์กิ้ง
เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในไทย

 

 

เมื่อเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย 


เทียบกับ Gulf Energy Development (GULF) ในตลาดไทย: ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างรายได้มั่นคงจากธุรกิจไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ SoftBank Group มีจุดเด่นที่เน้นการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพเติบโตสูง แต่มีความเสี่ยงและความผันผวนมากกว่า นอกจากนี้ GULF ยังถือหุ้นใหญ่ใน INTUCH เจ้าของ AIS และมีการลงทุนในธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายของรายได้และลดความเสี่ยงโดยรวม ทำให้ทั้งสองบริษัทมีรูปแบบธุรกิจและโปรไฟล์ความเสี่ยงที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

 

 

ความท้าทายและความเสี่ยง


SoftBank Group เผชิญกับความเสี่ยงหลายประการ โดยเฉพาะความผันผวนของมูลค่าการลงทุนที่ขึ้นลงตามสภาวะตลาดเทคโนโลยีและเศรษฐกิจโลก การพึ่งพารายได้จากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของการลงทุนทำให้ผลประกอบการไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดเทคโนโลยีมีความผันผวนสูง นอกจากนี้บริษัทยังมีระดับหนี้สินที่สูงจากการระดมทุนเพื่อการลงทุน ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงด้านการเงินหากการลงทุนไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ความท้าทายด้านการกำกับดูแลกิจการและการบริหารความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างบริษัทในเครือต่างๆ ก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องติดตาม

 

 

อนาคตและโอกาส


แนวโน้มในอนาคตของ SoftBank Group มีความสดใสจากการเติบโตของเทคโนโลยี AI ที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างรวดเร็วในทุกอุตสาหกรรม การลงทุนใน OpenAI ที่กำลังเป็นผู้นำในด้าน generative AI จะเป็นแหล่งสร้างมูลค่าสำคัญ โดยเฉพาะหาก OpenAI เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นหรือมีการขยายธุรกิจไปสู่การให้บริการ enterprise และ government อีกทั้ง Arm Holdings มีโอกาสเติบโตจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI computing และ edge computing ที่ต้องการการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูง การพัฒนาโครงการ Stargate และ Cristal intelligence จะเป็นการสร้างระบบนิเวศ AI แบบครบวงจรที่อาจสร้างมูลค่าเพิ่มจากการรวมตัวกันของเทคโนโลยีต่างๆ ในพอร์ตการลงทุน


สนใจลงทุนในหุ้น SoftBank Group (9984.T) และหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ จากทั่วโลกได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ที่ให้คุณเข้าถึงการลงทุนระดับโลกได้แบบไร้ขีดจำกัด

 

สนใจเปิดบัญชีลงทุน คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b 

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

 

Stocks Mentioned
9984.T
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5