Xiaomi Corporation (1810.HK) คือบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เริ่มต้นจากแบรนด์สมาร์ทโฟนโนเนม Xiaomi กลายเป็นหนึ่งในผู้นำโลกด้านเทคโนโลยีด้วยกลยุทธ์ “คุณภาพสูง ราคาซื่อสัตย์” และระบบนิเวศอัจฉริยะที่เชื่อมทุกอุปกรณ์เข้าด้วยกัน ตั้งแต่มือถือ IoT สมาร์ทโฮม ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้า SU7
Xiaomi โดดเด่นด้วยกลยุทธ์ Hardware + Internet + Retail มีฐานรายได้มั่นคงจากกลุ่ม Smartphone & AIoT (83%) และ Smart EV & AI (17%) พร้อมลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีหลักเอง เช่น ชิป XRING O1 และระบบปฏิบัติการ HyperOS
แม้จะต้องเผชิญกับคู่แข่งระดับโลกอย่าง Apple, Samsung และ Tesla แต่ Xiaomi ก็สามารถแข่งขันได้ด้วยนวัตกรรม ราคาที่เข้าถึงได้ และการรุกตลาดใหม่ทั่วโลก
Xiaomi Corporation (1810.HK) บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange: HKEX) เริ่มต้นจากการผลิตสมาร์ทโฟนราคาประหยัด Xiaomi สามารถก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก ด้วยปรัชญา “ผลิตภัณฑ์ดีๆ ในราคาซื่อสัตย์” ที่ช่วยให้เทคโนโลยีคุณภาพสูงเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขวาง
จากสตาร์ทอัพในปักกิ่ง Xiaomi ขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทั้งสมาร์ทโฟน อุปกรณ์ IoT บ้านอัจฉริยะ รถยนต์ไฟฟ้า และการพัฒนาชิปของตนเอง พร้อมสร้าง “ระบบนิเวศดิจิทัล” ครบวงจรที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีกับชีวิตประจำวัน
ปัจจุบัน Xiaomi เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟนที่ติดอันดับ Top 3 ของโลก, อุปกรณ์ AIoT ที่มีกว่า 600 ล้านเครื่องทั่วโลก, รถยนต์ไฟฟ้า Xiaomi SU7 ที่เปิดตัวอย่างร้อนแรง, รวมถึงการพัฒนา AI, ชิปเซต, และหุ่นยนต์อัจฉริยะที่ตอกย้ำศักยภาพด้านนวัตกรรมระดับโลก ด้วยฐานผู้ใช้มหาศาลทั่วโลกและการรุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง Xiaomi ไม่เพียงเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์จีนในสายตานานาชาติ แต่ยังกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญของนวัตกรรมจีนสู่เวทีโลกอย่างแท้จริง
Xiaomi ก่อตั้งเมื่อ 6 เมษายน 2010 โดย Lei Jun และทีมผู้ร่วมก่อตั้ง 7 คน ด้วยวิสัยทัศน์ในการสร้างสมาร์ทโฟนคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ ชื่อ "Xiaomi" แปลว่า "ข้าวเล็ก" สะท้อนแนวคิดเทคโนโลยีเพื่อทุกคน
บริษัทเปิดตัว Mi 1 สมาร์ทโฟนรุ่นแรกในเดือน สิงหาคม 2011 พร้อมกลยุทธ์ขายออนไลน์และ Zero Profit จนกลายเป็นกระแสในจีน จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดช่วงปี 2014–2017 เมื่อ Xiaomi เริ่มสร้างระบบนิเวศของอุปกรณ์อัจฉริยะในบ้าน และ จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงปี 2018 ภายใต้รหัส 1810.HK
ในปี 2024 Xiaomi ก้าวสู่ธุรกิจ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัว Xiaomi SU7 Series และรุ่น SU7 Ultra ในต้นปี 2025 พร้อมส่งมอบคันแรกในเดือนมีนาคม
Xiaomi ยังพัฒนา ชิป XRING O1 (3nm) และเทคโนโลยี AI ของตัวเอง ตอกย้ำสถานะ “บริษัทเทคโนโลยีครบวงจร” ที่มีศักยภาพชนกับ Apple และ Samsung ได้เต็มตัว
Xiaomi สร้างความมั่นคงทางธุรกิจด้วยการกระจายแหล่งรายได้อย่างชาญฉลาด โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก
1. Smartphone × AIoT (83% ของรายได้รวม) –
ครอบคลุมสมาร์ทโฟน อุปกรณ์อัจฉริยะ และบริการดิจิทัล โดยมีเป้าหมายในการสร้าง ecosystem แบบครบวงจรสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่
กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการขยายตัวของเทคโนโลยี 5G, ความนิยมของ Smart Home, การใช้งาน อุปกรณ์ที่ผสาน AI (AI-integrated devices) และการเติบโตของ mobile content ที่สร้างรายได้แบบ recurring (รายได้ประจำ)
2. Smart EV, AI & New Initiatives (17% ของรายได้รวม) –
เติบโตอย่างรวดเร็ว นำโดยรถยนต์ไฟฟ้า Xiaomi SU7, การพัฒนาเทคโนโลยี AI และชิปของตัวเอง รวมถึงการลงทุนในนวัตกรรมแห่งอนาคต
กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI-Driven Mobility และความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีขั้นสูง
Xiaomi สร้างความแตกต่างด้วยแนวคิด "Tripartite Strategy" ที่มุ่งเน้น Hardware + Internet + Retail ทำให้สามารถสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ครบครันตั้งแต่การผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง การพัฒนาซอฟต์แวร์และบริการ ไปจนถึงการจัดจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ของ Xiaomi อยู่ที่การสร้าง "ระบบนิเวศ Xiaomi" ที่ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างลื่นไหล ตั้งแต่สมาร์ทโฟนที่เป็นศูนย์กลางการควบคุม ไปจนถึงอุปกรณ์บ้านอัจฉริยะที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงหรือแอปพลิเคชัน Mi Home
การลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญ บริษัทมีทีมวิศวกรและนักพัฒนากว่า 21,000 คน โดยเฉพาะการพัฒนาชิป XRING O1 ที่ใช้เทคโนโลยี 3nm แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีหลักเอง
กลยุทธ์การขยายตัวระหว่างประเทศของ Xiaomi เน้นการเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นและปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับแต่ละตลาด พร้อมกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ใช้งานผ่านชุมชนออนไลน์และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
เทียบกับ Apple (AAPL): แม้ Apple และ Xiaomi จะมีแนวทางธุรกิจต่างกัน แต่ทั้งสองต่างเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก มีจุดร่วมในเรื่องการสร้าง ecosystem เชื่อมโยงฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ การลงทุนในนวัตกรรมล้ำสมัย เช่น AI และ IoT และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม แนวทางของทั้งคู่แตกต่างกันชัดเจน Apple เน้นผลิตภัณฑ์พรีเมียมในระบบปิด ควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน ขณะที่ Xiaomi เน้นเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ในราคาย่อมเยา ระบบเปิดที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลากหลาย และมีไลน์สินค้าที่กว้าง ตั้งแต่สมาร์ทโฟน สมาร์ทโฮม ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้า
เทียบกับ True Corporation (TRUE): เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดไทย บริษัทที่มีแนวทางใกล้เคียงกับ Xiaomi คือ True Corporation ซึ่งเริ่มจากธุรกิจโทรคมนาคมและขยายสู่เทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์เช่นเดียวกัน ทั้งสองต่างยึดแนวคิดเดียวกันในการ เชื่อมต่อเทคโนโลยี และสร้าง ประสบการณ์ดิจิทัลที่ครบวงจร ให้กับผู้บริโภค
True มุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลผ่านบริการ เช่น True Digital และ True Smart Life โดยเน้นการให้บริการและ คอนเทนต์ เป็นหลัก True เด่นด้านบริการและแพลตฟอร์ม
ในขณะที่ Xiaomi สร้าง ecosystem ผ่าน ฮาร์ดแวร์อัจฉริยะ ที่เชื่อมต่อถึงกัน ตั้งแต่สมาร์ทโฟน สมาร์ทโฮม ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้า Xiaomi เด่นด้านนวัตกรรมและการผลิตสินค้า
Xiaomi เผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในหลายมิติ ทั้งจากแบรนด์จีนรุ่นใหม่อย่าง OnePlus และ Realme ที่ใช้กลยุทธ์ราคาถูกคล้ายกัน รวมถึงยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung และ Apple ที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า Xiaomi ต้องแข่งขันกับผู้เล่นที่มีประสบการณ์มากกว่า เช่น BYD และ Tesla ที่มีฐานลูกค้าและเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI และ 5G ทำให้บริษัทต้องลงทุนในการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรในระยะสั้น นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีบางประเภท ก็เป็นความเสี่ยงที่ Xiaomi ต้องบริหารจัดการอย่างระมัดระวัง
อนาคตของ Xiaomi ดูสดใสด้วยแผนการขยายตัวในหลายมิติ การพัฒนาเทคโนโลยี AI และ Machine Learning จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi ฉลาดและตอบสนองความต้องการผู้ใช้ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการนำ AI มาใช้ใน HyperOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ของ Xiaomi และอุปกรณ์ IoT ต่างๆ การเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเป็นโอกาสใหญ่ที่จะช่วยขยายฐานรายได้ โดยเฉพาะเมื่อตลาด EV ในจีนและทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การพัฒนาชิปประมวลผลและเทคโนโลยีหลักเองจะช่วยลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ภายนอกและเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน การขยายตัวสู่ตลาดใหม่ในอินเดีย ยุโรป และอเมริกาใต้ จะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ โดยเฉพาะการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับความต้องการและกำลังซื้อในแต่ละภูมิภาค
สนใจลงทุนในหุ้น Xiaomi (Ticker: 1810.HK หรือ DR: XIAOMI80, XIAOMI01, XIAOMI13, XIAOMI19) และหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ จากทั่วโลกได้ง่าย ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว
เปิดบัญชีลงทุน คลิกเลย! 👉https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน