Hong Kong Exchanges and Clearing Limited (HKEX23) คือศูนย์กลางตลาดทุนและระบบชำระราคา (Clearing House) ชั้นนำของฮ่องกง ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ทำหน้าที่เป็น “ประตูการเงิน” เชื่อมโลกตะวันตกและตะวันออกอย่างแท้จริง ด้วยและด้วยการบริการที่ครบวงจร ทั้งระบบซื้อขายที่มีเสถียรภาพ เเละมีผลิตภัณฑ์การเงินที่หลากหลายให้ซื้อขาย โดยความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับตลาดทุนระดับโลก HKEX จึงก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเอเชีย และเป็นจุดผ่านสำคัญของเงินทุนมหาศาลจากนักลงทุนทั่วโลก
บทบาทของ HKEX ไม่ได้จำกัดเพียงการเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายหลักทรัพย์ แต่ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางกระจายโอกาสการลงทุนระหว่างตะวันออกและตะวันตก พร้อมทั้งมีบทบาทกำหนดทิศทางและเสริมความเชื่อมั่นให้กับตลาดการเงินในภูมิภาค ในช่วงที่ความสนใจลงทุนในจีนกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน HKEX จึงมีศักยภาพสูงในการดึงดูดเงินทุนต่างชาติและสร้างเครือข่ายการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างนักลงทุนระดับสากลกับเศรษฐกิจจีน
จากศูนย์กลางการค้าสู่จักรวรรดิตลาดทุน
HKEX ก่อตั้งขึ้นจากการควบรวมตลาดหลักทรัพย์และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์หลายแห่งในฮ่องกง โดยมีรากฐานมาจากการจัดตั้งสมาคมโบรกเกอร์ในปี 1891 และเปลี่ยนเป็นตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปี 1914 ก่อนที่จะมีการควบรวมและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษ 1980 เพื่อสร้างตลาดที่มีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้น การเปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทมหาชนเกิดขึ้นในปี 2000 ซึ่งทำให้ HKEX มีความยืดหยุ่นในการขยายธุรกิจและพัฒนาตลาดใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ HKEX เริ่มเปิดเส้นทาง Stock Connect ในปี 2014 ที่เชื่อมโยงตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงกับเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าถึงตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ได้ง่ายขึ้น ขณะที่นักลงทุนจีนก็สามารถลงทุนในตลาดฮ่องกงได้อย่างสะดวก การเข้าซื้อ London Metal Exchange (LME) ในปี 2012 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ HKEX ขยายจากตลาดทุนสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โลกอย่างเต็มตัว
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้ง ETF ที่หลากหลาย ตราสารอนุพันธ์ที่ซับซ้อน และการเปิดให้บริษัทเทคโนโลยีจีนเข้าจดทะเบียน ส่งผลให้ HKEX กลายเป็นตลาดที่มีความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของนักลงทุนทุกระดับได้อย่างครอบคลุม
โครงสร้างรายได้และธุรกิจหลัก
HKEX มีโครงสร้างรายได้ที่กระจายความเสี่ยงได้ดี โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มธุรกิจหลัก
1.Cash Market – 48% ของรายได้รวม
ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ที่ครอบคลุมการซื้อขายหุ้น การชำระราคา และค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน รวมถึงรายได้จาก Stock Connect ที่เชื่อมโยงกับตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนและการเปิดตลาดทุนจีนสู่นักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
2.Equity and Financial Derivatives – 25% ของรายได้รวม
ธุรกิจตราสารอนุพันธ์ที่ครอบคลุมสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ออปชั่น และผลิตภัณฑ์โครงสร้างต่างๆ อย่าง warrant และ CBBC กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตจากความต้องการป้องกันความเสี่ยงและการเก็งกำไรของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น
3.Commodities – 11% ของรายได้รวม
ธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ผ่าน London Metal Exchange (LME) ที่เป็นตลาดอ้างอิงราคาโลหะหลักของโลก กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้น
4.Data and Connectivity – 8% ของรายได้รวม
ธุรกิจข้อมูลตลาดและการเชื่อมต่อที่ให้บริการข้อมูลแบบเรียลไทม์ ข้อมูลย้อนหลัง และบริการโฮสติ้งสำหรับการซื้อขายความเร็วสูง กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตจากการเพิ่มขึ้นของการซื้อขายอัลกอริทึมและความต้องการข้อมูลที่แม่นยำ
5.Corporate Items – 8% ของรายได้รวม
รายได้จากการลงทุนในกองทุนองค์กรและรายได้อื่นๆ รวมถึงรายได้จากการบริจาคของ HKEX Foundation
กลยุทธ์การเติบโตและจุดแข็งที่โดดเด่น
HKEX ยืนอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางการระดมทุนระดับโลก โดยเฉพาะในฐานะ ตลาด IPO ชั้นนำ ที่สามารถดึงดูดทั้งบริษัทจีนแผ่นดินใหญ่และบริษัทต่างประเทศให้มาจดทะเบียน ในครึ่งแรกของปี 2025 มีการยื่น IPO ทั้งหลักและรองรวม 208 บริษัท ทำลายสถิติเดิม และระดมทุนได้กว่า 13.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าทั้ง Nasdaq และ NYSE ซึ่งสะท้อนความน่าสนใจของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการระดมทุนของภูมิภาคเอเชียและอาเซียน รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีสมัยใหม่
ความได้เปรียบของ HKEX อยู่ที่การ เข้าถึงหลายคลาสสินทรัพย์ ตั้งแต่หุ้น ออปชัน โลหะ จนถึงอนุพันธ์ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกสามารถกระจายการลงทุนได้ในแพลตฟอร์มเดียว อีกทั้งยังมีแพลตฟอร์ม Stock Connect ซึ่งเป็นจุดเชื่อมสำคัญระหว่างนักลงทุนต่างประเทศกับตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องและเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับผู้ลงทุน
ในเชิงโครงสร้างตลาด HKEX มี ความยืดหยุ่นและทันสมัย ผ่านการปฏิรูปกฎเกณฑ์ เช่น เปิดให้ SPAC จดทะเบียน ลดขั้นตอน IPO และขยายโอกาสให้บริษัททำ Dual Listing เพื่อดึงดูดบริษัทสตาร์ทอัพและเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังลงทุนใน เทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI เพื่อใช้ตรวจสอบคุณภาพการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน เพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของตลาด
ด้วยขนาดมาร์เก็ตแคปที่ใหญ่ติดอันดับต้น ๆ ของโลก และระบบโครงสร้างตลาด (Market Infrastructure) ที่แข็งแกร่ง HKEX จึงเป็นทั้ง แพลตฟอร์มลงทุน และ ตัวเร่งการเติบโตของทุนในภูมิภาค ที่มีศักยภาพสูงในระยะยาวสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเชื่อมต่อกับเศรษฐกิจจีนและตลาดโลก
เปรียบเทียบกับคู่แข่งระดับโลก
HKEX และ Nasdaq ต่างเป็นตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของโลกที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบการเงินสากล แต่ HKEX โดดเด่นในฐานะ “ประตูการลงทุน” เชื่อมจีนกับตลาดทุนโลก ผ่านโครงการ Stock Connect ที่เปิดทางให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าถึงหุ้น A-shares ของจีนได้โดยตรง อีกทั้งยังขยายบทบาทสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกผ่านการเข้าซื้อ London Metal Exchange (LME) ทำให้มีสินทรัพย์หลากหลายครอบคลุมทั้งหุ้น อนุพันธ์ โลหะ และ ETF ในแพลตฟอร์มเดียว ขณะที่ Nasdaq แม้จะเป็นผู้นำในตลาดหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และมีชื่อเสียงด้านนวัตกรรมการซื้อขาย แต่ไม่สามารถเชื่อมโยงตลาดจีนได้อย่าง HKEX ในยุคที่เศรษฐกิจจีนและเอเชียกำลังเติบโตและดึงดูดเงินทุนมหาศาล HKEX จึงมีบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญกว่าในภูมิภาค สามารถดึงดูด IPO จากบริษัทชั้นนำของจีนและเอเชีย รวมถึงให้โอกาสนักลงทุนทั่วโลกเข้าถึงตลาดที่ใหญ่และกำลังขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ Nasdaq ไม่สามารถทดแทนได้
เปรียบเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย
เมื่อเปรียบเทียบ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กับ Hong Kong Exchanges and Clearing (HKEX) จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนทั้งในด้านขนาด สภาพคล่อง และบทบาทในเวทีการเงินโลก โดย HKEX มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงกว่า SET หลายเท่า ข้อมูลเดือนกรกฎาคม 2025 ระบุว่า HKEX มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันกว่า 262.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.9 ล้านล้านบาท ขณะที่ SET อยู่เพียงประมาณ 45,700 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า HKEX เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงและได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศ
นอกเหนือจากขนาดและสภาพคล่อง HKEX ยังมีจุดแข็งสำคัญในฐานะ “ประตูลงทุนสู่จีน” ผ่านโครงการ Stock Connect ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วโลกเข้าถึงหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ได้โดยตรง ความครบวงจรนี้ช่วยดึงดูดบริษัทชั้นนำจากเอเชียและจีนให้เข้ามาระดมทุนอย่างต่อเนื่อง แตกต่างจาก SET ที่ในช่วงหลังจำนวน IPO ลดลงและโครงสร้างตลาดยังเน้นไปที่บริษัทขนาดใหญ่ในประเทศเป็นหลัก
ดังนั้น ในมุมมองของนักลงทุน HKEX จึงมีความโดดเด่นทั้งด้านขนาด ความเชื่อมโยงกับตลาดทุนโลก และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ทำให้สามารถดึงดูดกระแสเงินทุนจากทั่วโลกได้มากกว่า ขณะที่ SET แม้จะยังเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาค แต่ในแง่ของการเข้าถึงนักลงทุนต่างชาติและโอกาสการลงทุนระดับสากล HKEX มีความได้เปรียบและศักยภาพเติบโตในระยะยาวสูงกว่าอย่างชัดเจน
ความท้าทายและความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ
HKEX ยังต้องเผชิญกับความผันผวนของตลาดการเงินโลกซึ่งอาจส่งผลโดยตรงต่อปริมาณ การซื้อขายและความเชื่อมั่นของนักลงทุน การพึ่งพิงรายได้จากธุรกรรม IPO และค่าธรรมเนียมการซื้อขายเป็นหลัก ทำให้บริษัทมีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจและสภาวะตลาดทุน รายได้อาจลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ในอีกมิติหนึ่ง ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ (Regulatory Risk) ทั้งจากฝั่งจีน ฮ่องกง และตลาดต่างประเทศ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ HKEX ต้องบริหารจัดการ เนื่องจากการปรับเปลี่ยนกฎหมายหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการเข้าจดทะเบียน การซื้อขาย หรือการโอนเงินทุนข้ามพรมแดน อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดึงดูดบริษัทและนักลงทุนต่างชาติ
ด้านเทคโนโลยี HKEX ต้องเผชิญกับการแข่งขันจากแพลตฟอร์มซื้อขายที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและมีต้นทุนต่ำกว่า รวมถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ที่หากเกิดเหตุการณ์โจมตีหรือระบบขัดข้อง อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก
สุดท้าย ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงตลาดจีนมากเกินไปก็เป็นประเด็นสำคัญ แม้จะเป็นจุดแข็งในการดึงดูดนักลงทุน แต่หากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว หรือนโยบายการเงินและการลงทุนของจีนเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ก็อาจส่งผลต่อปริมาณการซื้อขายและความน่าสนใจของ HKEX ในสายตานักลงทุนสากลได้เช่นกัน
อนาคตและโอกาสของ HKEX
อนาคตของ Hong Kong Exchanges and Clearing (HKEX23) กำลังมุ่งสู่การเป็น “Marketplace of the Future” ที่ผสานบทบาทการเป็นประตูเชื่อมระหว่างจีนและตลาดทุนโลกเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ พร้อมต่อยอดโอกาสจากกระแสการลงทุนที่ยั่งยืน เทคโนโลยีการเงิน และการขยายความเชื่อมโยงกับตลาดทุนระดับภูมิภาค หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการผลักดัน Green & Sustainable Finance ผ่านแพลตฟอร์ม HKEX STAGE ซึ่งเป็นศูนย์กลางข้อมูลและการซื้อขายตราสารด้านสิ่งแวดล้อมและ ESG เพื่อรองรับความต้องการที่เติบโตทั่วโลก ในขณะเดียวกัน HKEX ยังเดินหน้ายกระดับมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Disclosure) ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล IFRS S2 ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2025 เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นในตลาด
ด้านเทคโนโลยี HKEX ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและนำเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, Blockchain และ Big Data มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการซื้อขาย การชำระราคา และการวิเคราะห์ข้อมูล พร้อมทั้งมีวิสัยทัศน์ในการสร้างตลาดทุนที่เป็น AI-Native Marketplace เพื่อรองรับการซื้อขายยุคใหม่ อีกทั้งยังมีการเปิดตัว Technology Enterprises Channel เพื่อเร่งการเข้าจดทะเบียนของบริษัทเทคโนโลยีและไบโอเทคจากจีน ซึ่งสะท้อนบทบาทของ HKEX ในการดึงดูดทุนและนวัตกรรมเข้าสู่ตลาดฮ่องกง
นอกจากนี้ HKEX ยังเสริมความแข็งแกร่งในฐานะศูนย์กลางการซื้อขายเงินหยวน (RMB) และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก โดยเฉพาะโลหะ ผ่านการเป็นเจ้าของ London Metal Exchange (LME) ซึ่งทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการสินทรัพย์และสกุลเงินจีนที่มีบทบาทเพิ่มขึ้นในเศรษฐกิจโลก ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ HKEX ไม่ได้เป็นเพียงตลาดหลักทรัพย์ระดับภูมิภาค แต่กำลังพัฒนาเป็นศูนย์กลางการเงินยุคใหม่ที่ผสานการเข้าถึงตลาดทุนจีน ความยั่งยืน และเทคโนโลยี เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตและมูลค่าเพิ่มให้กับนักลงทุนในระยะยาว
สนใจลงทุนในหุ้น HKEX
สนใจลงทุนในหุ้น HKEX (HKEX23) และหุ้นจีนอื่นๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน คลิกเลย! 👉https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน