Derivatives

Volatility: คลื่นทะเลที่ซัดภูเขาน้ำแข็งของมูลค่า Options เข้าใจความแตกต่างของความผันผวนราคาสินทรัพย์ที่ขับเคลื่อนราคา Options

31 Oct 25 5:04 PM
รู้จักผลิตภัณฑ์ลงทุน2
สรุปสาระสำคัญ

บทความนี้เปรียบ “Volatility” หรือความผันผวนของตลาด ให้เหมือน คลื่นทะเล ที่คอยซัด “ภูเขาน้ำแข็งแห่งมูลค่า Options” ให้เคลื่อนไหวขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา โดยจะพาไปดูว่า Volatility มีกี่ประเภท ระดับความแรงของคลื่นแต่ละแบบส่งผลต่อมูลค่า Options (Time Value) อย่างไร พร้อมยกตัวอย่างสถานการณ์จริงให้เห็นว่าเมื่อตลาด “คลื่นแรง” หรือ “คลื่นสงบ” ราคาของ Options จะเปลี่ยนไปอย่างไร และนักลงทุนจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร

คลื่นทะเลที่ซัดมูลค่า Options ให้เปลี่ยนแปลง

 

ลองจินตนาการว่าโลกของ Options คือ “ทะเลแห่งความเป็นไปได้”
ในทะเลนี้ มีภูเขาน้ำแข็งชื่อว่า “Time Value” — ส่วนของมูลค่าที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวน้ำ และไม่ได้มาจากราคาหุ้นโดยตรง แต่เกิดจากสิ่งที่มองไม่เห็น...
นั่นคือ “Volatility” หรือความแรงของคลื่น

 

เมื่อคลื่นในทะเลสงบ (ตลาดนิ่ง ราคาขยับน้อย) ภูเขาน้ำแข็งไม่ขยับ มูลค่า Options จึงค่อยๆ ละลาย(ลดลง)ไปตามเวลา
แต่เมื่อคลื่นเริ่มแรง — ความผันผวนของตลาดสูงขึ้น — เปรียบเทียบให้เห็นภาพ ความผันผวนเป็นคลื่นที่จะซัดภูเขาน้ำแข็งให้ลอยขึ้นสูง มูลค่า Time Value ของ Options จึงเพิ่มขึ้นทันที แม้ราคาหุ้นยังไม่เปลี่ยน


เปรียบเทียบ “Volatility (คลื่น) vs Time Value (ภูเขาน้ำแข็ง)”
– เมื่อ IV สูง → Time Value เพิ่มสูงขึ้น(ภูเขาน้ำแข็งถูกคลื่นซัดแรงดันให้ดูสูงขึ้น)
– เมื่อ IV ต่ำ → Time Value หดลง(ภูเขาน้ำแข็งถูกคลื่นซัดเบาภูเขาน้ำแข็งไม่ค่อยขยับ)

 

image-(41).png

 

Volatility มีกี่ประเภท?

 

โดยทั่วไป Volatility ในตลาด Options แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก

1.Historical Volatility (HV) — “ความผันผวนที่เกิดขึ้นจริงในอดีต”

วัดจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ย้อนหลัง เช่น 30 วัน หรือ 90 วัน เพื่อบอกว่าที่ผ่านมา ราคามีการเหวี่ยงมากน้อยเพียงใด
ตัวอย่างเช่น หากหุ้น AAPL เคลื่อนไหววันละ ±2% โดยเฉลี่ย HV จะสูงกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นที่เคลื่อนไหววันละเพียง ±0.5%

 

2.Implied Volatility (IV) — “ความผันผวนที่ตลาดคาดการณ์ในอนาคต”
เป็นค่าที่สะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนจากราคาพรีเมียมของ Options เอง
ถ้า IV สูง แปลว่าตลาด “คาดว่าอนาคตจะผันผวนมาก” เช่น ช่วงก่อนประกาศผลประกอบการหรือเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ
ในทางกลับกัน หาก IV ต่ำ หมายถึงตลาดมองว่าราคาอาจนิ่ง ไม่มีเหตุการณ์สำคัญในระยะสั้น

 

ตัวอย่างการทำงานของ Volatility กับราคา Options

สมมติว่า

  • หุ้น Apple (AAPL) ราคา $270
  • Call Options ที่ Strike $280 มี Premium = $5 เมื่อ IV = 20%

 

หากตลาดเริ่มคาดว่า AAPL จะผันผวนขึ้น (IV เพิ่มจาก 20% → 30%)
แม้ราคาหุ้นยังอยู่ที่ $270 แต่ราคาพรีเมียมของ Call Options อาจเพิ่มขึ้นเป็น $7–$8

นี่คือตัวอย่างของ “Volatility Expansion” — นักลงทุนจ่ายแพงขึ้นเพื่อซื้อความเป็นไปได้ของการเคลื่อนไหวที่มากขึ้น

 

ในทางกลับกัน ถ้าเหตุการณ์สำคัญผ่านไปและตลาดกลับมาสงบ (IV ลดลง) พรีเมียมของ Options ก็จะลดลงทันที แม้ราคาหุ้นไม่ขยับเลยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “Volatility Crush” — มักเกิดหลังประกาศงบหรือเหตุการณ์ข่าวใหญ่

 

ประโยชน์ของ Volatility ต่อการวิเคราะห์และกลยุทธ์

  1. ใช้ประเมินราคาแพง–ถูกของ Options
    หาก IV ปัจจุบันสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมาก นักลงทุนอาจพิจารณา “ขาย Options” (เช่น Short Call หรือ Short Put) เพื่อเก็บค่าพรีเมียมในช่วงตลาดร้อน
    ในทางกลับกัน หาก IV ต่ำผิดปกติ อาจเป็นจังหวะ “ซื้อ Options” (Long Call / Long Put) เพราะพรีเมียมถูกกว่าปกติ
  2. ใช้วิเคราะห์ความกลัวของตลาด (Fear Gauge)
    ดัชนีอย่าง VIX Index คือค่า Implied Volatility ของ S&P 500 Options ซึ่งมักใช้วัดระดับความกลัวของตลาดโลก
    หาก VIX พุ่งสูงกว่า 30 จุด มักหมายถึงภาวะ Panic หรือการคาดว่าตลาดจะผันผวนมากในอนาคตอันใกล้
  3. ใช้วางกลยุทธ์ Options ให้เหมาะกับสภาวะตลาด
  • ตลาดนิ่ง (IV ต่ำ): กลยุทธ์ “Long Straddle” หรือ “Long Strangle” อาจคุ้มค่า หากคาดว่าความผันผวนจะเพิ่ม
  • ตลาดผันผวนสูง (IV สูง): กลยุทธ์ “Short Straddle / Short Strangle” อาจเหมาะกับผู้คาดว่าความผันผวนจะลดลงหลังเหตุการณ์


Payoff diagram
ของ Long Straddle เทียบกับช่วงที่ IV เพิ่มขึ้น

 

Picture2.png

จากภาพจะเห็นว่ากำไรเกิดจาก Volatility ไม่ใช่ทิศทาง ไม่ว่าขึ้นหรือลง ถ้าไปทิศทางใดทิศทางนึงมากพอก็จะทำให้กลยุทธ์นี้มีกำไร

 

เทรด Volatility ได้จริงผ่านแอป InnovestX

นักลงทุนสามารถใช้ US Options เพื่อบริหารหรือเก็งกำไรจากความผันผวนได้จริง เช่น

  • ใช้ S&P 500 Index Options (SPY Options) เพื่อรับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของ Volatility ตัวอย่าง เช่น กลยุทธ์ Long Straddle ( Long Call + Long Put ที่ Strike price เดียวกัน)  เมื่อมีมุมมองว่าความผันผวนจะสูงมากขึ้นกว่าปัจจุบัน)
  • เลือกใช้ SET50 Index Options ในตลาด TFEX สำหรับบริหารพอร์ตหุ้นไทยในช่วงตลาดผันผวน

 ตารางเปรียบเทียบแนวคิด “Traditional vs Derivatives”

วิธีลงทุน

Traditional

ผ่าน Options/Futures

เป้าหมาย

เก็งกำไรจาก “ทิศทางราคา”

เก็งกำไรจาก “ระดับความผันผวน”

เงินลงทุนเริ่มต้น

เต็มมูลค่าหุ้น

ใช้พรีเมียมหรือมาร์จิ้นเพียงส่วนหนึ่ง

ความยืดหยุ่น

ซื้อ–ขายตามราคา

วางกลยุทธ์ได้ทั้ง Long/Short Volatility

เครื่องมือใน InnovestX

ซื้อหุ้น / ETF

US Options / SET50 Index Options

 

“Volatility” คือความผันผวนของตลาด — บางครั้งไม่ได้อยู่ที่ราคาจะขึ้นหรือลง แต่คือ “ความเร็วและแรง” ของการเปลี่ยนแปลง
นักลงทุนที่เข้าใจ Volatility จะสามารถมองเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ แม้ในวันที่ตลาดเต็มไปด้วยความกลัว
การใช้ Options อย่างมีวินัยและเข้าใจความผันผวน จะช่วยให้คุณ “ไม่ต้องลุ้นทิศทาง” แต่ใช้ความผันผวนให้เป็นโอกาสในการลงทุนได้เช่นกัน

 

Reference:

  • Investopedia – Understanding Implied Volatility: https://www.investopedia.com/terms/i/impliedvolatility.asp
  • CME Group – Options Volatility Explained: https://www.cmegroup.com

⚠️ Disclaimer

US Options 🚀 ลงทุน US Options กับ InnovestX ได้แล้ว! ครั้งแรกบน InnovestX ที่ให้คุณเทรด US Options ได้ทั้งบนแอปและ WebTrade สะดวกกว่าเดิม พร้อมเครื่องมือครบมือเหมือนเดิม
✅ เติมเงินเข้า wallet ได้ real-time
✅ ฝาก-ถอน ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
✅ เครื่องมือเทรดผ่านเว็บไซต์ สามารถใช้ผ่าน PC ให้สามารถเทรดได้แบบมืออาชีพ
✅ มีข้อมูล real-time market data ของ US Options ให้ subscribe ในราคาดีเข้าถึงง่าย เพียง 1.25 USD/Month
✅ ใช้บัญชีเดียวกับบัญชีหุ้นสหรัฐฯ ไม่ต้องเปิดบัญชีใหม่
📱 ดาวโหลดและเปิดบัญชีกับ InnovestX คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
📱 รายละเอียดและคู่มือการเปิดใช้บริการ US Options คลิก https://www.innovestx.co.th/us-options

 

⚠️ คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน US Futures and Options มีความเสี่ยงสูงที่อาจก่อให้เกิดผลขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญจึงไม่เหมาะสมกับทุกคน การซื้อขาย Options ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงเป็นหลักทรัพย์ต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงที่มูลค่าสัญญาจะลดลงตามเวลา (Time decay) ความเสี่ยงที่ท่านอาจสูญเสียเงินที่จ่ายเพื่อซื้อสิทธิ์ในตอนแรก (ค่าพรีเมียม) ทั้งหมด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5