US Options คืออะไร มีกี่ประเภท
Option คือสัญญาทางการเงินที่ให้สิทธิ์แก่ผู้ซื้อในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) เช่น หุ้น หรือสกุลเงิน ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (Strike Price) ภายในระยะเวลาที่กำหนด
Option แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1). Call Option: คือการให้สิทธิ์แก่ผู้ซื้อในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยนักลงทุนจะนิยมซื้อ Call Option ในกรณีที่คาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะปรับตัวสูงขึ้น
2). Put Option: คือการให้สิทธิ์แก่ผู้ซื้อในการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า นักลงทุนมักซื้อ Put Option เมื่อเล็งเห็นว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
วิธีเปิดใช้บริการ Options ก่อนเริ่มต้นเทรด US Options

ทำไมถึงต้องลงทุนใน US Options
ความแตกต่างระหว่าง Options กับ Futures
ประเด็น | Option | Futures |
---|---|---|
สิทธิ์และภาระผูกพัน | ผู้ซื้อได้รับสิทธิ์จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ | คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายมีภาระผูกพันต้องปฏิบัติตามสัญญา |
การวางหลักประกัน | จ่ายพรีเมียมเพื่อถือสิทธิ์ โดยไม่มีการเรียกหลักประกันเพิ่มเติม (สำหรับฝั่ง Long) | ต้องวางหลักประกันตั้งต้น (Margin) และ Mark-to-Market ทุกวัน หากหลักประกันต่ำเกณฑ์ต้องเติมเงินเพิ่ม |
กลไกของการกำไรและขาดทุน | ผู้ซื้อ Call หรือ Put ขาดทุนสูงสุดที่พรีเมียม แต่กำไรไม่จำกัด | กำไรและขาดทุนไม่จำกัดทั้งสองฝ่าย |
วิธีการปิดสถานะ | สามารถทำได้ทั้ง การปล่อยให้สัญญาหมดอายุ หรือ ใช้สิทธิ์ (Exercise) หรือขายคืนในตลาด | ปล่อยให้สัญญาหมดอายุ หรือ Offset ด้วยการเทรดด้านตรงกันข้าม |
กลยุทธ์การใช้งาน | Hedging แบบมี Upside เช่น Protective Put, เก็งกำไรจากความผันผวนของตลาด (Straddle/Strangle) | Hedging พอร์ตหุ้นด้วย Short Futures, เก็งกำไรตามแนวโน้มทิศทางตลาดด้วย Leverage สูง |
ทำไมต้องลงทุน US Options กับ InnovestX?

ค่าธรรมเนียม
คอมมิชชั่น 1.20 USD / สัญญา
ค่าธรรมเนียมข้างบนนี้ ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมและภาษี ดังนี้
- ค่าธรรมเนียม Exchange Fee 0.05 USD
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของค่าธรรมเนียมทั้งหมด
คู่มือลงทุน
ช่องทางการลงทุน
เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับ Options (Tips & Tricks)
• สำหรับมือใหม่ ลงทุนใน Option ไม่เกิน 5–10% ของพอร์ตทั้งหมด
• เวลาใกล้หมดอายุ Premium จะลดเร็ว (Time Decay) อย่าเลือกวันหมดอายุสั้นเกินไป ควรเลือกให้สอดคล้องกับระยะเวลาการลงทุน
• หากต้องการโอกาสได้กำไรสูง ให้เลือก “Out-of-the-Money” เพื่อเบี้ยประกันถูกกว่า แต่ความเสี่ยงสูงขึ้น
• หากเน้นเสี่ยงไม่มาก เลือก “At-the-Money”
• ซื้อ Option ให้เหมาะกับระยะเวลาการลงทุน ไม่สั้นเกินไป ไม่ยาวเกินไป