เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ AEONTS โดยปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 177 บาท สู่ 164 บาท เนื่องจากเราปรับประมาณการกำไรลดลง 5% สำหรับปี FY2566 และ 10% สำหรับปี FY2567 (หลักๆ เกิดจากการปรับประมาณการ NIM ลดลง) เราคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวเล็กน้อยใน 2HFY66 และปี FY2567 ซึ่งเป็นผลมาจากสินเชื่อที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป NIM ที่ลดลง และ credit cost ที่ลดลงเล็กน้อย แนวโน้มของ AEONTS ถูกฉุดรั้งโดยแรงกดดันด้านกฎระเบียบ ปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อลดลง เราปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี FY2566 ของ AEONTS ลดลงจาก 5% สู่ 3% เพื่อสะท้อนนโยบายการให้สินเชื่อส่วนบุคคลที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อรับมือกับคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลง เราคาดว่าการเปิดตัวบริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ใน 3QFY66 จะช่วยให้สินเชื่อฟื้นตัวใน 2HFY66 AEONTS ตั้งเป้าขยายสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ 1 พันลบ. ในปี FY2566 เราคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นสู่ 5% ในปี FY2567 และปี FY2568 เนื่องจากแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจะถูกลดทอนลงโดยแรงต้านจากการทยอยปรับเพิ่มอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิต รวมถึงการดำเนินนโยบายการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (มีผลบังคับใช้เดือนม.ค. 2567) และการกำหนดภาระหนี้ต่อรายได้ (มีผลบังคับใช้ปี 2568) ของธปท. credit cost จะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป เราคาดว่า credit cost จะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปใน 2HFY66 และปี FY2567 โดยจะลดลง 45 bps สู่ 8.3% ในปี FY2566 (เทียบกับ 8.61% ใน 1HFY66) และ 5 bps สู่ 8.25% ในปี FY2567 และ 8.2% ในปี FY2568 คุณภาพสินทรัพย์ของ AEONTS จะได้รับผลกระทบจากการทยอยปรับเพิ่มอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิตจาก 5% ในปี 2566 สู่ 8% ในปี 2567 และ 10% ในปี 2568 แต่น่าจะได้รับประโยชน์จากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ NIM เผชิญแรงกดดัน เราคาดว่า NIM จะลดลงอย่างต่อเนื่องใน 2HFY66 และปี FY2567 อันเป็นผลมาจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น สำหรับปี FY2567 เราคาดว่า NIM จะได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากมาตรการแก้หนี้เรื้อรัง (PD, หนี้ที่มีการจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นนาน 5 ปี) สำหรับลูกหนี้ที่มีรายได้น้อย (รายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือนสำหรับนอนแบงก์) โดยตั้งแต่เดือนเม.ย. 2567 เป็นต้นไป ลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการ PD จะได้รับทางเลือกในการเปลี่ยนสินเชื่อหมุนเวียนมาเป็นแบบมีระยะเวลา (term loan) และคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี (เทียบกับอัตราเพดาน 25%) โดยกำหนดให้การผ่อนชำระปิดจบภายใน 5 ปี AEONTS มีสินเชื่อที่ปล่อยให้กับลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือนในสัดส่วน ~5% เราคำนวณได้ว่ามาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่อ NIM ราว 25 bps โดยใช้สมมติฐานว่ามีการนำมาตรการ PD มาใช้กับสินเชื่อ 2.5% ของ AEONTS เราปรับประมาณการ NIM ลดลง 20 bps สู่ 17.58% (-97 bps) ในปี FY2566 และ 17.16% (-41 bps) ในปี FY2567 ปรับประมาณการกำไรลดลง โดยมีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อย เราคาดว่ากำไร 2HFY66 จะเพิ่มขึ้น 6% HoH โดยได้รับการสนับสนุนจาก credit cost ที่ลดลง และการเติบโตของสินเชื่อที่ฟื้นตัวดีขึ้น เราคาดว่ากำไร 3QFY66 จะลดลง 35% YoY (ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น) และ 14% QoQ (ไม่มีกำไรจากการขาย NPL) สู่ 726 ลบ. ทั้งนี้เมื่อเทียบ QoQ เราคาดว่า: 1) credit cost จะลดลง 9 bps (+24 bps YoY) 2) สินเชื่อจะเติบโต 1% (0% YoY) 3) NIM จะลดลง 10 bps (-53 bps YoY) เนื่องจากต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น 4) non-NII จะลดลง 12% (-22% YoY) เนื่องจากไม่มีกำไรจากการขาย NPL และ 5) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะเพิ่มขึ้น 161 bps (+405 bps YoY) การปรับประมาณการ NIM ลดลงทำให้เราปรับประมาณการกำไรลดลง 5% สำหรับปี FY2566 และ 10% สำหรับปี 2567 โดยปัจจุบันเราคาดว่ากำไรปี FY2566 จะลดลง 21% และจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% ในปี FY2567 คงเรทติ้ง NEUTRAL แต่ปรับราคาเป้าหมายลดลง เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ AEONTS โดยปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 177 บาท (PBV 1.65 เท่า และ PE 13.1 เท่า สำหรับปี FY2567) สู่ 164 บาท (PBV 1.55 เท่า โดยอิงกับ ROE ระยะยาวที่ 12% cost of equity ที่ 8.85% และการเติบโตระยะยาวที่ 2.25%) ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง 2) ความเสี่ยงด้าน NIM จากอัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น และ 3) ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบจากมาตรการลดหนี้ครัวเรือนของธปท. | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก AEONTS231225_T
|