ผลประกอบการของ HANA จะได้รับแรงกดดันในระยะสั้นจากการแข็งค่าของเงินบาท แต่เรายังคงคาดว่ากำไร 2H67 จะปรับตัวดีขึ้น HoH โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งขึ้นสำหรับธุรกิจ PCBA และธุรกิจ RFID และแนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจ IC อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ PMS และ FT1 (บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่) ยังคงต้องใช้เวลาในการรายงานผลการดำเนินงานเป็นบวก ราคาหุ้น HANA ที่ปรับตัวลดลง 25.8% YTD สะท้อนประเด็นลบไปเรียบร้อยแล้ว เราคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ HANA โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 56 บาท อ้างอิง PE 23.4 เท่า หรือ +0.5 SD ของ PE เฉลี่ย 5 ปี ผลประกอบการจะได้รับแรงกดดันในระยะสั้นจากการแข็งค่าของเงินบาท แต่ยังคาดกำไร 2H67 จะเติบโต HoH HANA จัดการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ โดยภาพรวมการประชุมเป็นลบเล็กน้อยจากผลกระทบของการแข็งค่าของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และธุรกิจ Power Master Semiconductor (PMS) ที่ชะลอตัวมากกว่าคาดเพราะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่สูงของผลิตภัณฑ์ Silicon (Si) และความต้องการ EV ที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ Silicon Carbide (SiC) ที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูง อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ในธุรกิจ PCBA ยังคงแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์และภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย รวมถึงอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ access control และ Radio frequency identification (RFID) tag ที่แข็งแกร่งในประเทศจีน นอกจากนี้อุปสงค์ RFID inlay ในสหรัฐฯ คาดว่าจะแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยบริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับ Auburn certificate ใน 2H67 เพื่อผลักดันให้รายได้จากธุรกิจ RFID โดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นใน 2H67 และปี 2568 ธุรกิจ Integrated Circuit (IC) ยังคงอยู่ในทิศทางฟื้นตัวโดยได้รับการสนับสนุนจากวงจรการเปลี่ยนสมาร์ทโฟน AI เนื่องจาก load factor ของโรงงาน IC ที่อยุธยาเพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 60% ใน 2Q67 และคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องใน 2H67 ดังนั้นเราจึงคาดว่ากำไร 2H67 จะปรับตัวดีขึ้น HoH โดยได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ PCBA IC และ RFID ที่แข็งแกร่ง แต่จะถูกลดทอนลงบางส่วนโดยผลกระทบเชิงลบจากการแข็งค่าของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ธุรกิจ RFID จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโต รายได้จากธุรกิจ RFID คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2H67 และปี 2568 เนื่องจากคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะได้รับ Auburn certificate ภายในสิ้นเดือนส.ค. 2567 และมีการเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานในรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐฯ ใน 3Q67 เพื่อรองรับอุปสงค์ RFID inlay ที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ Walmart กำหนดให้ซัพพลายเออร์ทุกรายใช้ RFID tag บนสินค้าที่ขายในปี 2567 เทรนด์นี้แพร่ขยายไปตลอดห่วงโซ่อุปทานค้าปลีก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และจะทำให้ความต้องการ RFID tag สำหรับการบริหารจัดการสินค้าคงคลังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง HANA อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะได้รับประโยชน์จากพัฒนาการเหล่านี้ในตลาด RFID ยอดขายจากธุรกิจ RFID ของ HANA คิดเป็น 12% ของรายได้รวมใน 4Q66 และเรายังคงประมาณการสัดส่วนรายได้ของธุรกิจนี้ไว้ตามหลักความระมัดระวังที่ 13% ในปี 2567 คาดธุรกิจ PMS ถึงจุดคุ้มทุนที่ระดับ EBITDA ในปี 2568 ธุรกิจ PMS คาดว่าจะทรงตัว HoH ในช่วง 2H67 โดยจะถูกดึงจากผลิตภัณฑ์ Silicon (Si) ที่มีการแข่งขันทางราคาสูง ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อราคาขายเฉลี่ย ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลง แต่ทาง HANA มีภาระผูกพันที่จะต้องซื้อราคาสูง ความต้องการผลิตภัณฑ์ Silicon Carbide (SiC) คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยจากอุปสงค์ EV ที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะฝั่งยุโรป ผู้บริหารของ HANA คาดว่าธุรกิจ PMS จะถึงจุดคุ้มทุนที่ระดับ EBITDA ในปี 2568 คาดบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ “FT1” เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงกลางปี 2570 FT1 เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง HANA กับ PTT (ถือโดย HANA 49% และ PTT 51%) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาโอกาสลงทุนใน wafer fabrication โดยจะสร้างโรงงานในจังหวัดลำพูน ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในช่วงกลางปี 2570 ลูกค้ารายแรกคือธุรกิจ PMS ของ HANA โดยเงินลงทุนที่มาจาก HANA จะอยู่ที่ 744.8 ลบ. โดยจะใช้แหล่งเงินทุนจากเงินสดภายในกิจการซึ่งมีจำนวน 9.4 พันลบ. ณ สิ้น 2Q67 กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ ราคาหุ้น HANA ที่ปรับตัวลดลง 25.8% YTD สะท้อนประเด็นลบไปเรียบร้อยแล้ว เราคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ HANA โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 56 บาท อ้างอิง PE 23.4 เท่า หรือ +0.5 SD ของ PE เฉลี่ย 5 ปี ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญ คือ การจัดการแรงงาน และซัพพลายเออร์ (S) | ||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก HANA240823_T
|