Keyword
Company Update

LH – แผนธุรกิจปี 2567: ตั้งเป้ายอด presales เติบโตสูง – NEUTRAL (ราคาเป้าหมาย 9 บาท)

17 Jan 24 9:00 AM
THUMNAIL-20240911222223
lh

LH ตั้งเป้ายอด presales เติบโต 34.7% ในปี 2567 หลังจากลดลงมากถึง 23.8% ในปี 2566 โดยจะเน้นไปที่โครงการแนวราบในตลาดระดับบนและระดับลักชัวรี่ บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่า 3 หมื่นลบ. ซึ่งจะเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ไม่มีคอนโดใหม่ เราเชื่อว่าไทม์ไลน์ที่เหมาะสมสำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่และการกลับมาเปิดตัวโครงการ นันทวัน อีกครั้งใน 1Q67 จะช่วยหนุนให้ยอด presales ฟื้นตัว เราคงคำแนะนำ tactical call สำหรับ LH ไว้ที่ NEUTRAL เนื่องจากมองว่ามี upside จำกัด โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 9.00 บาท/หุ้น

ตั้งเป้ายอด presales เติบโตสูงที่ 34.7% ในปี 2567 โดยเน้นไปที่โครงการแนวราบ ในปี 2566 LH ทำยอด presales ได้รวม 2.31 หมื่นลบ. (-23.8%) ต่ำกว่าเป้า 34% โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอด presales โครงการแนวราบที่ลดลงมากถึง 40% โดยเฉพาะใน 4Q66 ที่มีการยกเลิก backlog จากโครงการ Vive และ นันทวัน ไปประมาณ 1.4 พันลบ. ในขณะที่ยอด presales คอนโดเติบโต 177% โดยได้แรงหนุนจากอัตราการขาย 35% ที่โครงการ วันเวลา ณ เจ้าพระยา (มูลค่าโครงการ 1.5 หมื่นลบ.) ดังนั้นในปี 2567 LH จึงตั้งเป้ายอด presales เติบโตสูงที่ 34.7% สู่ 3.1 หมื่นลบ. โดย 82% จะเกิดจากโครงการแนวราบ และ 18% จะเกิดจากคอนโดที่มีอยู่ในปัจจุบัน มูลค่าโครงการเปิดใหม่ทั้งหมดในปี 2567 จะอยู่ที่ 3.0 หมื่นลบ. (-31%) โดยจะเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด มูลค่ารวมเติบโต 6% ในขณะที่จะไม่มีการเปิดตัวคอนโดใหม่ กลยุทธ์ปี 2567 คือ การมุ่งเน้นไปที่โครงการแนวราบในตลาดระดับบนและระดับลักชัวรี่ หลังจากที่ไม่มีการเปิดตัวโครงการ นันทวัน ในปี 2566 LH วางแผนเปิดตัวโครงการ นันทวัน 2 โครงการในปี 2567 ได้แก่ นันทวัน บางนา กม.15 (มูลค่าโครงการ 6.5 พันลบ.) และ นันทวัน Private Pool villa พระราม 9-กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (มูลค่าโครงการ 2.9 พันลบ.)

คงประมาณการรายได้ปี 2566 แต่มีกำไรพิเศษเพิ่มเข้ามา เรายังคงประมาณการรายได้ปี 2566 ของ LH ไว้ที่ 2.7 หมื่นลบ. (-23%) โดยคาดว่ายอดโอนที่พักอาศัยจะลดลง 36% ขณะที่รายได้ค่าเช่าจะเติบโต 64% อย่างไรก็ตาม เราได้เพิ่มกำไรพิเศษ 2.5 พันลบ. จากการขายโรงแรม 2 แห่งในพัทยาให้กับ LHHOTEL ใน 4Q66 เข้ามาในประมาณการ ดังนั้นเราจึงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 ที่ 7.1 พันลบ. (-14.5%)

กำไรปกติจะฟื้นตัวในปี 2567 เราเชื่อว่ากำไรปกติของ LH ทำจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2566 ด้วย backlog ในปัจจุบันที่ 2 พันลบ. การฟื้นตัวของอุปสงค์ในตลาดระดับบน และการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจให้เช่า เราจึงคาดการณ์รายได้ปี 2567 ที่ 3.5 หมื่นลบ. (+28.8%) โดยคาดว่ารายได้จากธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์จะเติบโต 35% และรายได้จากธุรกิจให้เช่าจะเติบโต 11% อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยจะฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดที่ 28.6% ในปี 2566 สู่ 30.6% ในปี 2567 ดังนั้นเราจึงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2567 ที่ 7.1 พันลบ. (+1%) LH วางแผนขายศูนย์การค้าแห่งหนึ่งให้กับ REIT ซึ่งเรายังไม่ได้นำมารวมไว้ในประมาณการของเรา

ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล ปัจจัยที่ต้องจับตา: 1) กระแสเงินสดในปี 2567; แม้ว่าเราพบว่าอุปสงค์ในตลาดตราสารหนี้ลดลง แต่เราเชื่อว่า LH จะสามารถออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิม 2 ชุด (มูลค่า 1.6 หมื่นลบ.) ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนเม.ย. และ ต.ค. ด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 3% 2) อัตราการปฏิเสธและการยกเลิกเพิ่มขึ้นเล็กน้อยใน 4Q66 ในทุกกลุ่ม เราเชื่อว่าสถานการณ์เช่นนี้อาจดำเนินต่อไปใน 1Q67 ความเสี่ยง ESG: LH ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ที่ระดับ A สำหรับผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการที่พักอาศัย เรามีความกังวลเกี่ยวกับคดีฟ้องร้องที่อาจส่งผลกระทบต่อโครงการ ซึ่งเราประเมินว่าเป็นความเสี่ยง ESG ในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

คงเรทติ้ง NEUTRAL โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 9 บาท เรายังคงคำแนะนำ tactical call สำหรับ LH ไว้ที่ NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ปรับใหม่เป็น 9 บาท/หุ้น โดยอิงกับระดับ +0.5SD PE ที่ 14.9 เท่า เราคาดการณ์เงินปันผลสำหรับงวด 2H66 ที่ 0.31 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 3.9%

 

ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก LH240117_T (1)

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5