เรายังคง tactical call สำหรับ LH ไว้ที่ “OUTPERFORM” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 11.40 บาท/หุ้น เราชอบ LH เนื่องจากโมเดลธุรกิจและมูลค่าสินทรัพย์แข็งแกร่ง ทั้งนี้ในปี 2566 LH ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 16% สู่ 3.5 หมื่นลบ. ทำสถิติสูงสุด และเปิดตัวคอนโดใหม่ครั้งแรกในรอบ 3 ปี บริษัทคาดว่าธุรกิจให้เช่าจะเติบโตสูงถึง 53% YoY จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งประกอบกับจะมีสินทรัพย์ใหม่เพิ่มเข้ามาใน 4Q66 และจะขายโรงแรมแห่งหนึ่งให้กับ REIT เพื่อเพิ่มกระแสเงินสด
เรายังคง tactical call สำหรับ LH ไว้ที่ “OUTPERFORM” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 11.40 บาท/หุ้น เราชอบ LH เนื่องจากโมเดลธุรกิจและมูลค่าสินทรัพย์แข็งแกร่ง ทั้งนี้ในปี 2566 LH ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 16% สู่ 3.5 หมื่นลบ. ทำสถิติสูงสุด และเปิดตัวคอนโดใหม่ครั้งแรกในรอบ 3 ปี บริษัทคาดว่าธุรกิจให้เช่าจะเติบโตสูงถึง 53% YoY จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งประกอบกับจะมีสินทรัพย์ใหม่เพิ่มเข้ามาใน 4Q66 และจะขายโรงแรมแห่งหนึ่งให้กับ REIT เพื่อเพิ่มกระแสเงินสด
ทำยอดขายปี 2565 ได้ 97% ของเป้าหมายที่วางไว้ และตั้งเป้ายอดขายเติบโต 16% ในปี 2566 ในปี 2565 LH เปิดตัวโครงการแนวราบรวม 15 โครงการ มูลค่ารวม 3.24 หมื่นลบ. (+65% YoY) และทำยอดขายได้รวม 3.02 หมื่นลบ. (+5.5% YoY) แบ่งเป็นยอดขายโครงการแนวราบ 92% และคอนโด 8% คิดเป็น 97% ของเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ สำหรับปี 2566 LH ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 16% สู่ 3.5 หมื่นลบ. ทำสถิติสูงสุด แบ่งเป็นยอดขายโครงการแนวราบ 88% และคอนโด 12% การเติบโตของยอดขายคอนโดจะได้รับการสนับสนุนจากการเปิดตัวคอนโดใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี คือ The Key ศรีนครินทร์ (มูลค่า 6.4 พันลบ.) นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนเปิดตัวโครงการแนวราบ มูลค่า 2.85 หมื่นลบ. ดังนั้นมูลค่าโครงการเปิดใหม่ทั้งหมดในปี 2566 จะอยู่ที่ 3.5 หมื่นลบ. (+8% YoY)
คงประมาณการปี 2565 แต่ปรับประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น 7% ปัจจุบัน LH มี backlog มูลค่า 6.2 พันลบ. โดย 83% จะรับรู้เป็นรายได้ใน 4Q65 และที่เหลือจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2566 เรายังคงประมาณการรายได้ปี 2565 ไว้ที่ 3.59 หมื่นลบ. (+12% YoY) โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 87% และรายได้ค่าเช่า 13% โดยมูลค่าเติบโต 160% YoY สู่ 4.7 พันลบ. สำหรับปี 2566 เราปรับประมาณการรายได้เพิ่มขึ้น 5% สู่ 4.02 หมื่นลบ. (+12% YoY) โดยได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจโรงแรมที่ดีกว่าคาด ดังนั้นสัดส่วนรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 จะอยู่ที่ 82% และรายได้ค่าเช่าจะอยู่ที่ 18% นอกจากนี้เรายังปรับประมาณการส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 14% สู่ 3.1 พันลบ. ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจาก HMPRO ส่งผลทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้น 7% สู่ 9.3 พันลบ. (+11.2% YoY)
มุ่งเน้นผลการดำเนินงานและการขายสินทรัพย์ในปี 2566 การเติบโตระดับสูงของธุรกิจให้เช่าในปี 2565-2566 ได้รับการสนับสนุนจากเหตุผลหลัก 2 ประการ คือ การฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว และการมีสินทรัพย์ใหม่เพิ่มเข้ามาในพอร์ต คือ Grande Centre Point Space Pattaya Hotel ใน 3Q65 และ Terminal 21 Rama 3 (ค้าปลีก) ใน 4Q65 สำหรับปี 2566 การเปิด Grande Centre Point Surawong (399 ห้อง) ใน 4Q66 และการดำเนินงานเต็มปีของสินทรัพย์ที่เปิดไปก่อนหน้านี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจให้เช่า นอกจากนี้ ใน 4Q66 LH ยังวางแผนขายโรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยาให้กับ REIT ด้วย
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล เราจะจับตาดูสต๊อกคอนโดมูลค่า 8.3 พันลบ. ของ LH โดยเฉพาะคอนโดระดับบนและลักชัวรี และการเปิดตัวคอนโดใหม่ใน 3Q66 รวมถึงติดตามระยะเวลาในการก่อสร้างซึ่งน่าจะทำได้เร็วขึ้นในปี 2666 หลังจากประสบกับความล่าช้าในปี 2565 โดยเฉพาะกลุ่มบ้านเดี่ยว
คง tactical call ที่ “OUTPERFORM” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 11.40 บาท เรายังคง tactical call สำหรับ LH ไว้ที่ “OUTPERFORM” โดยได้รับการสนับสนุนจากกำไรที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น การกระจายธุรกิจ และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่แข็งแกร่ง ราคาเป้าหมายปี 2566 ของเราอยู่ที่ 11.40 บาท/หุ้น (เพิ่มขึ้นจาก 11.10 บาท/หุ้น) โดยอิงกับระดับ +0.5SD PE ที่ 14.7 เท่า