LPN รายงานกำไรสุทธิ 3Q66 ตามคาดที่ 104 ลบ. (-55.9% YoY แต่ +19.3% QoQ) โดยได้รับการสนับสนุนจากการโอนคอนโดใหม่ที่โครงการ ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48 กำไรสุทธิ 9M66 อยู่ที่ 336 ลบ. (-41.5%) เราปรับประมาณการกำไรปี 2566 และ 2567 ลดลงเพื่อสะท้อนอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงสำหรับโครงการพร้อมอยู่และโครงการที่มีกำหนดสร้างเสร็จใน 4Q66 เป็นต้นไป และอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเพราะได้รับแรงกดดันจากโครงการแนวราบ ดังนั้นเราจึงคาดว่ากำไรสุทธิปี 2566 จะลดลง 22% เรายังคงคำแนะนำ tactical call สำหรับ LPN ไว้ที่ UNDERPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ปรับลดลงสู่ 3.80 บาท/หุ้น (จาก 4.30 บาท/หุ้น) อ้างอิง PE 10.5 เท่า กำไรสุทธิ 3Q66 เป็นไปตามคาด LPN รายงานกำไรสุทธิ 3Q66 จำนวน 104 ลบ. (-55.9% YoY แต่ +19.3% QoQ) เป็นไปตามตลาดคาด รายได้อยู่ที่ 1.99 พันลบ. (-52.6% YoY แต่ +15% QoQ) แบ่งเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 70% โดยได้รับการสนับสนุนจากการโอนคอนโดใหม่ที่โครงการ ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48 (มูลค่าโครงการ 2.27 พันลบ., ขายได้แล้ว 23%, โอนแล้ว 7%) ในขณะที่อีก 30% เป็นรายได้จากธุรกิจให้เช่าและรับจ้างบริหารจัดการ อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 22% ทั้งจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจให้เช่าและรับจ้างบริหารจัดการ กำไรสุทธิ 9M66 อยู่ที่ 336 ลบ. (-41.5%)ยอด presales ใน 9M66 คิดเป็น 61% ของเป้าทั้งปี LPN รายงานยอด presales ใน 3Q66 ที่ 2.58 พันลบ. (-44% YoY และ -4% QoQ) โดย 81% เกิดจากคอนโด (มูลค่าเพิ่มขึ้น 64% YoY แต่ลดลง 7% QoQ) โดยได้รับการสนับสนุนจากการเปิดตัวคอนโดใหม่ 1 โครงการ คือ EARN by LPN (มูลค่าโครงการ 2.1 พันลบ., อัตราการขาย 9%) และ 19% เกิดจากโครงการแนวราบ (มูลค่าลดลง 29% YoY แต่เพิ่มขึ้น 9% QoQ) ยอด presales ใน 9M66 อยู่ที่ 8 พันลบ. คิดเป็น 61% ของเป้ายอด presales ที่บริษัทวางไว้ในปี 2566 ที่ 1.3 หมื่นลบ. (+19% YoY) เราคาดว่า LPN จะทำยอด presales ได้ต่ำกว่าเป้า ~20% โดยจะอยู่ที่ ~1.05 หมื่นลบ. (ทรงตัว YoY) ใน 4Q66 LPN วางแผนเปิดตัวคอนโด 1 โครงการ คือ Place 168 วุฒากาศ (มูลค่าโครงการ 860 ลบ.) และโครงการแนวราบ 1 โครงการ คือ Venue 24 ประชาอุทิศ 90 (มูลค่าโครงการ 1.1 พันลบ.) ดังนั้นมูลค่าโครงการเปิดใหม่ทั้งหมดในปี 2566 จะอยู่ที่ 1.25 หมื่นลบ. ต่ำกว่าเป้า 10%ปรับประมาณการปี 2566 และปี 2567 ลดลง ปัจจุบัน LPN มี backlog มูลค่า 2.81 พันลบ. โดย 90% เกิดจากคอนโด และ 10% เกิดจากโครงการแนวราบ บริษัทจะรับรู้รายได้จาก backlog สัดส่วน 31% ใน 4Q66 ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่องที่โครงการ ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48, 37% ในปี 2567, 14% ในปี 2568 และ 17% ในปี 2569 เนื่องจากยอดขายโครงการที่มีกำหนดโอนในปี 2566-2567 ค่อนข้างต่ำ และโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้วและพร้อมอยู่ขายได้ค่อนข้างช้า เราจึงปรับประมาณการรายได้ปี 2566 ลดลง 6% และปี 2567 ลดลง 9% เราประเมินกำไรสุทธิปี 2566 ได้ที่ 477 ลบ. (-22%) ลดลง 20% จากประมาณการเดิม และประเมินกำไรสุทธิปี 2567 ได้ที่ 509 ลบ. (+6.8%) ลดลง 24% จากประมาณการเดิมความกังวลและประเด็นที่ต้องติดตาม 1) LPN จะเน้นเปิดตัวโครงการแนวราบ มูลค่าอย่างน้อย 1.0 หมื่นลบ. ในปี 2567 โดยมีแนวโน้มที่จะไม่มีการเปิดตัวคอนโดใหม่ เรามองว่าประเด็นนี้จะเป็นบวกต่อการบริหารจัดการกระแสเงินสด เนื่องจากคอนโดมี cash cycle ที่ยาวกว่าโครงการแนวราบ แต่จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อความสามารถในการทำกำไร เนื่องจากคอนโดให้อัตรากำไรขั้นต้น (22-24%) สูงกว่าโครงการแนวราบ (18-20%) 2) อัตราการขายที่ค่อนข้างต่ำตั้งแต่เปิดตัวจนกระทั่งโอน ทำให้สต็อกคอนโด ณ สิ้น 3Q66 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2.1 หมื่นลบ. ซึ่งจะใช้เวลาขายราว 3.5-4 ปีคง tactical call ที่ UNDERPERFORM เรายังคงคำแนะนำ tactical call สำหรับ LPN ไว้ที่ UNDERPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ ที่ 3.80 บาท/หุ้น (จาก 4.30 บาท/หุ้น) อ้างอิง PE 10.5 เท่า
|