OSP ตั้งเป้าทวงส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังภายในประเทศกลับคืนมา 2% ในปี 2567 และเพิ่มปริมาณการขายในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเราจึงคาดว่ารายได้รวมในปี 2567 จะเติบโต 4.3% พร้อมกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้กำไรสุทธิเติบโต 9.2% ด้วยการเติบโตของ EPS ที่อ่อนแอลง YoY เราจึงปรับราคาเป้าหมายของ OSP ลดลงสู่ 28 บาท/หุ้น แต่คงคำแนะนำ tactical call ไว้ที่ OUTPERFORM ตั้งเป้าทวงส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังกลับคืนมา OSP ตั้งเป้าทวงส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังกลับคืนมา 2% ในปี 2567 สู่ 47.9% หลังจากทำจุดต่ำสุดที่ 45.9% ใน 4Q66 โดยใช้กลยุทธ์ คือ การเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครื่องดื่มบำรุงกำลังแบรนด์หลักอย่าง M-150 โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น เช่น M-150 สูตรดั้งเดิม สูตรน้ำผึ้ง และสปาร์คกลิ้ง ขณะเดียวกันก็ขยายไปสู่กลุ่มผู้บริโภคที่กำลังเติบโต เช่น พนักงานออฟฟิศ กลุ่ม millennials และกลุ่มผู้สูงอายุ แม้เราคาดว่าการแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังจะยังสูงในปี 2567 แต่เราเชื่อว่าส่วนแบ่งการตลาดของ OSP จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1% สู่ +/-47% ทั้งนี้ในปี 2566 มูลค่าตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังรวมทั้งหมดอยู่ที่ 2.17 หมื่นลบ. (+5.9%) แผน 5 ปี: ขยายธุรกิจต่างประเทศ ตั้งเป้ารายได้ 4 หมื่นลบ. OSP ตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2571 ที่ 4 หมื่นลบ. ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ในระยะ 5 ปีข้างหน้าที่ 9% โดยรายได้ 56% จะมาจากยอดขายเครื่องดื่มในประเทศด้วย 7% CAGR, 22% จะมาจากยอดขายเครื่องดื่มในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว โดยได้รับการสนับสนุนจากการรั้งตำแหน่งผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังอันดับ 1 ในเมียนมาเอาไว้ได้ และการกลับเข้าสู่เวียดนามและอินโดนีเซียอีกครั้ง, 12% จะมาจากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ด้วย 10% CAGR และ 10% จะมาจากกลุ่มอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่จะทำ M&A ในระยะเวลาอันใกล้นี้ด้วย คงประมาณการปี 2567 เรายังคงประมาณการรายได้ปี 2567 ไว้ที่ 2.71 หมื่นลบ. (+4.3%) โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศที่เติบโตเล็กน้อย และยอดขายในต่างประเทศที่เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก โดยเมียนมาร์จะยังคงเป็นตลาดหลักหลังจากยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เราคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นปี 2567 ที่ 34.8% เพิ่มขึ้นจาก 34.5% ในปี 2566 โดยได้รับการสนับสนุนจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติและอลูมิเนียมที่ลดลง ค่าใช้จ่าย SG&A น่าจะลดลงโดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการ “Fast Forward 10X” ของ OSP ซึ่งตั้งเป้าลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนลง 0.7-1 พันลบ.ต่อปี ทำให้เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2567 ที่ 2.6 พันลบ. (+9.2%) เราคาดว่ากำไร 1Q67 (ไม่รวมรายการพิเศษ) จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล ปัจจัยที่ต้องจับตา คือ: 1) ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบหลักๆ เช่น ก๊าซธรรมชาติ และค่าไฟฟ้า 2) ความผันผวนของปริมาณการขายในตลาด CLMV และนโยบายการเงิน และ 3) การฟื้นตัวของการบริโภค ประเด็น ESG: OSP ถูกจัดอยู่ในรายชื่อหุ้น SET ESG Ratings ที่ ระดับ “AA” สำหรับปี 2567-2568 OSP ตั้งเป้าลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 30% ภายในปี 2573 และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 คงคำแนะนำ OUTPERFORM โดยปรับราคาเป้าหมายปี 2567 ลดลงสู่ 28 บาท/หุ้น เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของ OSP ในปี 2567 ด้วยประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เราปรับ PE เป้าหมายลดลงจาก PE เฉลี่ยที่ 35 เท่า สู่ -0.5SD PE ที่ 32 เท่า เพื่อสะท้อนการเติบโตของ EPS ที่อ่อนแอลงในปี 2567 ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 28 บาท/หุ้น |
|||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก OSP240314_T
|