เราปรับ tactical call สำหรับ SPALI ลดลงจาก OUTPERFORM สู่ NEUTRAL แม้เราปรับประมาณการกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้นสู่ 8 พันลบ. (+14.2% YoY) ซึ่งเป็นระดับที่ทำสถิติสูงสุด แต่เราคาดว่าในปี 2566 SPALI จะเผชิญกับภาวะที่ยอดขายเติบโตช้าลงและกำไรสุทธิจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย นอกจากนี้ backlog ระดับต่ำตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไปยังทำให้ความชัดเจนของกำไร (earnings visibility) อยู่ในระดับต่ำ
ตั้งเป้ายอดขายปี 2566 เติบโต 11% YoY และเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 10% YoY SPALI ตั้งเป้ายอดขายปี 2566 ไว้ที่ 3.6 หมื่นลบ. (+11% YoY) ทำสถิติสูงสุด โดยแบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายจากโครงการแนวราบ 70% (มูลค่าเติบโต 14% YoY) และคอนโด 30% (มูลค่าเติบโต 4% YoY) สำหรับแผนเปิดตัวโครงการใหม่ SPALI ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่รวม 37 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 34 โครงการ และคอนโดระดับกลาง-บน 3 โครงการ ในปี 2566 มูลค่ารวม 4.1 หมื่นลบ. (+10% YoY) โดย 58% จะเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และ 42% จะอยู่ในจังหวัดอื่นๆ โดยจะเพิ่มจังหวัดใหม่ๆ ในปี 2566 เช่น ราชบุรี จันทบุรี ลำพูน และลำปาง
ปรับประมาณการกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น 4% โดยคาดว่ากำไร 4Q65 จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจาก 4Q65 เป็นไตรมาสสุดท้ายในการผ่อนคลายมาตรการ LTV ดังนั้นการเร่งโอนกรรมสิทธิ์จะทำให้มีรายได้เข้ามาเพิ่มเติมใน 4Q65 เราประเมินรายได้รวมได้ที่ 9.8 พันลบ. (-10.3% YoY และ -12.4% QoQ) โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบ 70% และคอนโด 30% อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะอยู่ที่ 37.8% ลดลงเนื่องจากจากรายได้จากโครงการแนวราบที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่ามีสัดส่วนมากขึ้น และมีการปรับปรุงต้นทุนที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการโอนคอนโดในปี 2565 ส่วนแบ่งกำไรจาก JV ในออสเตรเลียจะอยู่ในระดับทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น 100% QoQ กำไรสุทธิ 4Q65 จะอยู่ที่ 2.07 พันลบ. (-28% YoY และ -24.5% QoQ) สำหรับปี 2565 เราคาดการณ์รายได้ที่ 3.45 หมื่นลบ. (+18.5% YoY) เพิ่มขึ้น 8% จากประมาณการเดิม และคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 8 พันลบ. (+14.2% YoY) เพิ่มขึ้น 4% จากประมาณการเดิม และเป็นระดับที่ทำสถิติสูงสุด
กำไรปี 2566 จะลดลงเล็กน้อย YoY ปัจจุบัน SPALI มี backlog มูลค่า 1.91 หมื่นลบ. โดย 77% จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2566, 21% ในปี 2567 และ 2% ในปี 2568 ทั้งนี้ในปี 2566 SPALI จะเริ่มโอนคอนโด 2 โครงการ: ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ (Q2) และ ศุภาลัย พรีเมียร์ สี่พระยา-สามย่าน (Q3) SPALI ตั้งเป้ารับรู้รายได้จากโครงการลงทุนในออสเตรเลีย ~1.6 พันลบ. ในปี 2566 ดังนั้นเราจึงปรับประมาณการรายได้ปี 2566 เพิ่มขึ้น 8% สู่ 3.56 หมื่นลบ. (+3% YoY) โดย backlog รองรับรายได้ที่คาดการณ์ไว้แล้ว 42% และคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 8 พันลบ. (-1% YoY)
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล ปัจจัยที่ต้องจับตา: 1) อุปสงค์ที่ชะลอตัวลงจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและไม่มีการผ่อนคลายมาตรการ LTV 2) backlog ระดับต่ำตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป และ 3) การบริหารสินค้าคงเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากโครงการขนาดใหญ่ ศุภาลัย ไอคอน สาทร มูลค่า 1.33 หมื่นลบ. ซึ่งทำยอดขายได้เพียง 16% และมีกำหนดก่อสร้างเสร็จในปี 2567
ปรับ tactical call ลงสู่ NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมาย 28.40 บาท กำไรที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเล็กน้อยในปี 2566 และการเลิกผ่อนคลายมาตรการ LTV ซึ่งจะส่งผลทำให้ยอดขายเติบโตช้าลง ทำให้เราปรับ tactical call สำหรับ SPALI ลดลงจาก OUTPERFORM สู่ NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายที่ปรับใหม่เป็น 28.40 บาท/หุ้น โดยอิงกับ PE เฉลี่ยที่ 7 เท่า และคาดการณ์ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่แข็งแกร่ง