WINNER ขาดทุนสุทธิ 4Q65 ที่ 67 ลบ. แต่หากไม่รวมผลขาดทุนจากด้อยค่าของค่าความนิยมในบริษัทย่อย 94 ลบ. จะมีกำไรปกติ 28 ลบ. หดตัว 21.5%YoY แย่กว่าคาด จากมีต้นทุนนำเข้าสินค้าและภาษีจ่ายสูงขึ้น จึงกดดันให้ปี 2565 มีกำไรปกติ 104 ลบ. เติบโต 9.7%YoY แย่กว่าคาด อย่างไรก็ดีปี 2566 คาดกำไรปกติจะเติบโต 12%YoY จากธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่มีฟื้นตัวดีขึ้น อีกทั้งบริษัทยังมีแผนขยายสินค้าและช่องทางจัดจำหน่าย ทั้งนี้เราคงแนะนำ “Neutral” หลังราคาหุ้นมี Upside จำกัด แต่มีศักยภาพการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาด Div. Yield ปี 66 ราว 5.9%
4Q65 ผลการดำเนินงานแย่กว่าคาด WINNER รายงานขาดทุนสุทธิ 4Q65 ราว 67 ลบ. แต่หากไม่รวมผลขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยมในบริษัทย่อย 94 ลบ. จะมีกำไรปกติ 28 ลบ. เติบโต 36.7%QoQ ตามผลฤดูกาล แต่ยังหดตัว 21.5%YoY โดยแม้ยอดขายรวมจะเติบโต 7.6%YoY หลังการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวไทยทำให้ลูกค้ากลุ่มโรงแรม ร้านอาหารและสายการบิน กลับมาเปิดให้บริการมากขึ้น ซึ่งหนุนให้ยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อการบริโภคและเพื่ออุตสาหกรรม (สารเติมแต่ง, สารเสริมคุณสมบัติ) เติบโต 10.5%YoY และ 2.3%YoY ตามลำดับ รวมทั้งรายได้รับจ้างผลิตสินค้าดูแลและบำรุงผิวเติบโต 19.6%YoY จากฐานต่ำปีก่อน แต่ถูกหักล้างด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเป็น 20.5% จาก 21.2% ใน 4Q64 หลังมีต้นทุนนำเข้าสินค้าสูงขึ้นจากบาทอ่อนค่า และยังมีค่าใช้จ่ายภาษีที่สูงขึ้น 80%YoY จึงกดดันทำให้ปี 2565 WINNER มีกำไรปกติ 104 ลบ. เติบโต 9.7%YoY ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 112 ลบ.
ประกาศจ่ายเงินปันผลอีกหุ้นละ 0.07 บาท 4Q65 WINNER ยังคงมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมี Interest bearing debt to Equity เพียง 0.74 เท่า และเงินสดในมือ 34 ลบ. ทำให้ยังมีศักยภาพกู้ยืมเงินสูง เพียงพอรองรับแผนลงทุนปีละราว 10-15 ลบ. เพื่อปรับปรุงสำนักงาน โรงงานและดูแลเครื่องจักร รวมทั้งระบบไอทีในแต่ละปี โดยที่บริษัทไม่มีแผนลงทุนขนาดใหญ่แต่อย่างใด และคาดยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ โดยล่าสุดบอร์ด WINNER มีมติจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2565 อีกหุ้นละ 0.07 บาท (XD 13 มี.ค. และจ่ายเงินปันผล 12 พ.ค. นี้) คิดเป็น Div. Yield ราว 3% (หากรวมทั้งปี 2565 WINNER จ่ายปันผลรวมหุ้นละ 0.13 บาท คิดเป็น Div. Yield 5.6%)
ปี 2566 คงประมาณการเดิม เนื่องจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องตามการกลับมาเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งคาดจะหนุนให้ยอดขายสินค้าอาหารเพื่อการบริโภคและเพื่ออุตสาหกรรมให้แก่ลูกค้ากลุ่ม HoReca (สัดส่วน 50% ของรายได้) ยังเติบโตสดใส YoY บวกกับ บริษัทเองมีแผนจะเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ปีละ 60-70 SKUs รวมทั้งยังมีแผนขยายฐานลูกค้าและช่องทางจัดจำหน่ายต่อเนื่องทั้งร้านค้าปลีกสมัยเก่า ร้านค้าโมเดิร์นเทรด และช่องทางออนไลน์ เพื่อตอบสนองต่อลูกค้าได้มากขึ้น จึงทำให้เรายังคงคาดปี 2566 WINNER จะมีกำไรปกติ 117 ลบ. เติบโต 12%YoY
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล WINNER นำเข้าสินค้าเพื่อจำหน่ายราว 88% ของยอดซื้อรวม ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ และใช้การขนส่งทางเรือเป็นหลัก ศักยภาพทำกำไรจึงมีความเสี่ยงด้านความไม่แน่นอนของต้นทุนนำเข้า หากเงินบาทอ่อนค่า และ/หรือ ค่าระวางเรือปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
คงแนะนำ NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมาย 2.50 บาท/หุ้น : ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside จำกัดจากราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 2.50 บาท (อิงค่าเฉลี่ย PER 13x เช่นเดิม) จึงคงแนะนำ “Neutral” เพื่อรับปันผล โดยคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2566 หุ้นละ 0.14 บาท คิดเป็น Div. Yield ราว 5.9%