ในที่สุด BCP ก็ประกาศเซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นกับ ExxonMobil Asia Holdings Pte. เพื่อเข้าซื้อหุ้น 65.99% ของ ESSO และทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือจากผู้ถือหุ้นรายอื่น เรามองบวกมากขึ้นต่อการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้ BCP สามารถขยายธุรกิจได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 2 ปี เราคาดว่าภาระทางการเงินของ BCP จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากราคาเข้าซื้อเบื้องต้นจะอยู่ในช่วง 8-10 บาท/หุ้น เทียบกับ 12-14 บาท/หุ้น ตามที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้ เรามองบวกต่อแนวโน้มกำไรของ BCP ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเข้าซื้อกิจการ ESSO เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM และราคาเป้าหมายที่ 44 บาท สำหรับ BCP ไว้จนกว่าการซื้อกิจการครั้งนี้จะแล้วเสร็จ
ในที่สุด BCP ก็ประกาศเซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นกับ ExxonMobil Asia Holdings Pte. เพื่อเข้าซื้อหุ้น 65.99% ของ ESSO และทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือจากผู้ถือหุ้นรายอื่น เรามองบวกมากขึ้นต่อการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้ BCP สามารถขยายธุรกิจได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 2 ปี เราคาดว่าภาระทางการเงินของ BCP จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากราคาเข้าซื้อเบื้องต้นจะอยู่ในช่วง 8-10 บาท/หุ้น เทียบกับ 12-14 บาท/หุ้น ตามที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้ เรามองบวกต่อแนวโน้มกำไรของ BCP ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเข้าซื้อกิจการ ESSO เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM และราคาเป้าหมายที่ 44 บาท สำหรับ BCP ไว้จนกว่าการซื้อกิจการครั้งนี้จะแล้วเสร็จ
การซื้อกิจการ ESSO จะทำให้ธุรกิจการตลาดน้ำมันเติบโตแบบก้าวกระโดด ผู้บริหารกล่าวว่าการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ในการเข้าซื้อหุ้น 65.99% ของ ESSO สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทยและเพิ่มการเข้าถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น การลงทุนครั้งนี้จะสร้างกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานเพื่อนำไปลงทุนต่อและเร่งการเปลี่ยนผ่านพลังงาน โดย BCP จะต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือหลังจากบริษัทได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในเดือน เม.ย. ในขณะที่ผู้บริหารไม่ได้กล่าวถึงเรื่องการเพิกถอนหุ้น ESSO ออกจากตลาด การซื้อกิจการ ESSO จะทำให้กำลังการผลิตติดตั้งโรงกลั่นทั้งหมดของ BCP เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 120kbd ในปัจจุบัน สู่ 294kbd และสถานีบริการน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 59% จาก 1,320 แห่ง (ข้อมูล ณ สิ้นสุด 3Q65) สู่ 2,100 แห่ง
จะกำหนดราคาเข้าซื้อที่ชัดเจน ผู้บริหารยืนยันว่าราคาเข้าซื้ออิงกับมูลค่ากิจการที่ 5.55 หมื่นลบ. และมีกลไกการปรับราคาเพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในหนี้สินสุทธิ เงินทุนหมุนเวียน มูลค่าน้ำมันคงคลังที่ 7.4 ล้านบาร์เรล และสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ ณ วันที่ทำธุรกรรมแล้วเสร็จ จากข้อมูลล่าสุด (สิ้นเดือนก.ย. 2565) ราคาเข้าซื้อเบื้องต้นที่ประเมินได้อยู่ที่ 3.06 หมื่นลบ. (8.84 บาท/หุ้น) ทั้งนี้ ExxonMobil ใช้กลไกการปรับราคาที่คล้ายกันกับการขายสินทรัพย์อื่นๆ ทั่วโลก เพื่อให้แน่ใจว่าได้มูลค่ายุติธรรมสำหรับทั้งผู้ขายและผู้ซื้อเมื่อพิจารณาจากราคาน้ำมันที่ผันผวน
ประโยชน์ที่ BCP จะได้รับ การซื้อกิจการ ESSO จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปสำหรับธุรกิจการตลาดของ BCP นอกจากนี้ ESSO ยังจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานลูกค้าในกลุ่ม commercial/wholesale ของ BCP และเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปประเภทเบา (น้ำมันเบนซิน) นอกจากนี้ผู้บริหารยังคาดว่าการซื้อกิจการครั้งนี้จะทำให้เกิดมูลค่าจาก synergy (ก่อนหักภาษี) ประมาณ 1.5-2 พันลบ. จากการเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนจากการจัดหาน้ำมันดิบ การประกอบธุรกิจโรงกลั่น การขนส่ง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจทางอ้อม การซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยหนุนให้ EPS ตามข้อมูลทางการเงินเสมือนปรับเพิ่มขึ้นได้ 57% เมื่อเทียบกับงบการเงินเฉพาะกิจการของ BCP โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (ไม่รวม synergy จาก crude run rate ที่ดีขึ้น) และจะเพิ่มเป็น 66% ด้วย synergy ด้าน crude run ระหว่าง BCP และ ESSO
ใช้แหล่งเงินทุนทั้งหมดจากสินเชื่อธนาคาร ธุรกรรมนี้จะใช้แหล่งเงินทุนทั้งหมดจากวงเงินสินเชื่อที่ได้รับจากธนาคาร โดยอยู่ระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับข้อกำหนด เงื่อนไข และอัตราดอกเบี้ย บริษัทคาดว่าอันดับเครดิตจะไม่ได้รับผลกระทบ แม้ว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนและอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA จะเพิ่มขึ้นสู่ 1.7 เท่า และ 2.2 เท่า ตามลำดับ (หากเข้าถือหุ้น 100% ใน ESSO) เทียบกับ 0.6 เท่า และ 1.1 เท่า ก่อนซื้อกิจการ ผู้บริหารคาดว่าธุรกรรมนี้จะเสร็จสิ้นภายใน 2H66 (น่าจะอยู่ในช่วงปลาย 3Q66 ถึงต้น 4Q66) หลังจากบรรลุเงื่อนไขบังคับก่อน เช่น ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของ BCP และได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงพลังงานให้ ESSO เปลี่ยนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และได้รับความเห็นชอบตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกฎหมายการแข่งขันทางการค้า
คงเรทติ้ง OUTPERFORM เราเชื่อว่าการซื้อกิจการ ESSO จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ BCP เมื่อพิจารณาจากราคาเข้าซื้อยุติธรรม กำไรส่วนเพิ่มจาก ESSO และประโยชน์จาก synergy ในด้านการดำเนินงานและการตลาด เราประเมินในเบื้องต้นได้ว่าการซื้อกิจการ ESSO จะหนุนให้ราคาเป้าหมายของ BCP ปรับเพิ่มขึ้นได้อีก 17-18 บาท/หุ้น หากดีลสำเร็จ โดยอิงกับการซื้อกิจการ 100% เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ BCP ด้วยราคาเป้าหมาย 44 บาท/หุ้น (ก่อนซื้อกิจการ ESSO) เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรของ BCP พอร์ตธุรกิจที่มีความหลากหลาย และประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดี
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและ GRM ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจส่งผลทำให้ขาดทุนสต๊อกเพิ่มขึ้น แต่เรามองว่าเหตุการณ์นี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรัฐบาลเข้าแทรกแซงเพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ