Keyword
Company Update

บทวิเคราะห์รายบริษัท : BJC

23 Feb 23 9:00 AM
BJC-20240911154022

กำไรปกติ 4Q65 อยู่ที่ 1.7 พันลบ. +22% YoY และ +88% QoQ สูงกว่าคาด 8% เพราะค่าใช้จ่ายภาษีต่ำกว่าคาด ด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นใน 1Q66TD SSS จึงเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY (SSS เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY หากไม่รวมยอดขายกลุ่ม B2B) เราคาดว่ากำไร 1Q66 จะเติบโต YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายและรายได้ค่าเช่าที่ดีขึ้น แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล คงเรทติ้ง OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 42 บาท

กำไรสุทธิ 4Q65 อยู่ที่ 1.6 พันลบ. +18% YoY และ +75% QoQ หากตัดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 44 ลบ. ออกไป พบว่ากำไรปกติ 4Q65 อยู่ที่ 1.7 พันลบ. +22% YoY และ +88% QoQ สูงกว่าที่เราและ consensus คาดการณ์ไว้อยู่ 8% โดยมีสาเหตุมาจากค่าใช้จ่ายภาษีที่ต่ำกว่าคาด การเติบโต YoY เกิดจากยอดขายและรายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นที่ดีขึ้น ในขณะที่การปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ เกิดจากปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้หลังจากจ่ายเงินปันผลงวด 1H65 ในอัตรา 0.15 บาท/หุ้น BJC ก็ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H65 ในอัตรา 0.65 บาท/หุ้น (XD วันที่ 3 พ.ค.)

รายได้ดีขึ้น รายได้ 64% ใน 4Q65 ได้มาจากกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ (BIGC, MSC), 17% ได้มาจากกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ (PSC), 14% ได้มาจากกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค (CSC) และ 6% ได้มาจากกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และทางเทคนิค (H&TSC) รายได้รวม เติบโต 5% YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม MSC และกลุ่ม PSC รายได้จากกลุ่ม MSC เติบโต 4% YoY จากกการขยายสาขาและ SSS ที่เติบโต 2.3% YoY (SSS +6.1% YoY เมื่อไม่รวมยอดขายกลุ่ม B2B) ซึ่งได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ใน 4Q65 BJC ปิด Big C Market 2 สาขา และ Big C Mini 7 สาขา ส่งผลทำให้บริษัทมีจำนวนสาขาขนาดใหญ่รวมทั้งหมด 154 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 61 สาขา Big C Mini 1,449 สาขา และร้านขายยา 146 สาขา รายได้จากกลุ่ม PSC เติบโต 12% YoY โดยเกิดจากยอดขายบรรจุภัณฑ์กระป๋องอลูมิเนียม (+17% YoY) และบรรจุภัณฑ์แก้ว (+8% YoY) ที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศไทยและเวียดนาม และราคาขายผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบและค่าสาธารณูปโภคที่สูงขึ้น รายได้จากกลุ่ม CSC ลดลง 7% YoY จากการย้ายการรับรู้รายได้ด้านโลจิสติกส์ของบิ๊กซีออกจากกลุ่ม CSC ไปยังกลุ่ม MSC ซึ่งไปหักล้างยอดขายที่ดีขึ้นจากธุรกิจอาหาร (+6% YoY) และธุรกิจอุปโภค (+2% YoY)

รายการอื่นๆอัตรากำไรขั้นต้น ลดลง 60bps YoY สู่ 18.8% เพราะได้รับผลกระทบจากกลุ่ม PSC ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นลดลง 680 bps YoY เนื่องจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติ โซดาแอช และอลูมิเนียม สูงขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่ม MSC เพิ่มขึ้น 130 bps YoY จากการมีส่วนผสมการขายที่ดีขึ้น (สัดส่วนยอดขายสินค้า private brand ที่ให้มาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้นสู่ 15.6% ใน 4Q65 เทียบกับ 14.8% ใน 4Q64 และสัดส่วนยอดขายกลุ่ม B2B ที่ให้มาร์จิ้นต่ำลดลงสู่ 7.9% ใน 4Q65 เทียบกับ 11.3% ใน 4Q64) และการบริหารจัดการกิจกรรมส่งเสริมการขายและโลจิสติกส์ อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่ม CSC เพิ่มขึ้น 20bps YoY เนื่องจากต้นทุนน้ำมันปาล์มในธุรกิจอาหารปรับตัวลดลง และมีการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมการขายที่ธุรกิจโลจิสติกส์ ค่าใช้จ่าย SG&A เติบโต 4% YoY โดยเกิดจากค่าไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายโฆษณาและส่งเสริมการขายที่สูงขึ้น รายได้อื่นและรายได้ค่าเช่า เพิ่มขึ้น 7% YoY โดยเกิดจากการให้ส่วนลดค่าเช่าลดลง (0.8% YoY ใน 4Q65 เทียบกับ 6.8% YoY ใน 4Q64) และอัตราการเช่าพื้นที่ที่ดีขึ้น (88.2% ใน 4Q65 เทียบกับ 87.3% ใน 4Q64) อัตราภาษี อยู่ที่ 0.8% (เทียบกับ 7.1% ใน 4Q64 และ 10.5% ใน 3Q65) ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ขาดทุนทางภาษียกมาได้ดีขึ้นเนื่องจากบริษัทที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีมีกำไรเพิ่มขึ้น

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5