เรามีมุมมองเป็นกลางต่อแผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่ม BTS เนื่องจากเรายังไม่เห็น synergy ที่ชัดเจนจากผู้ถือหุ้นรายใหม่ของ VGI ความชัดเจนในการรุกธุรกิจ virtual bank และการใช้เงินเพิ่มทุนส่วนที่เหลือ เมื่อมองที่ระดับ BTS เรายังไม่เห็นตัวเปลี่ยนเกมในเชิงธุรกิจจากการเข้าถือหุ้น ROCTEC และ RABBIT เพิ่มเติม ดังนั้นเราจึงคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ BTS โดยให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี SOTP ที่ 5.9 บาท/หุ้น ราคาเป้าหมายของเรามีแนวโน้มที่จะอยู่ที่ 5.6 บาท/หุ้นหลังธุรกรรมครั้งนี้
รายละเอียดธุรกรรม BTS ประกาศว่าบริษัทจะปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัท โดยสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้: 1) VGI จะออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวนไม่เกิน 8.8 พันล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 44 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ VGI ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.50 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 1.32 หมื่นลบ. โดยผู้ลงทุนที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบ PP ครั้งนี้ ได้แก่ CAI Optimum Fund VCC, Si Suk Alley Limited, Opus-Chartered Issuances S.A. และ Asean Bounty บริษัทเหล่านี้จะไม่มีระยะเวลาห้ามขายหุ้น โดยกำหนดระยะเวลาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบ PP ในวันที่ 20-27 พ.ย. 2) บริษัทจะทำ tender offer หุ้น ROCTEC ที่ราคาหุ้นละ 1 บาท โดยคาดว่าจะใช้เงินราว 6.7 พันลบ. แต่จะไม่ทำคำเสนอซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิของ ROCTEC 3) บริษัทจะทำ tender offer หุ้น RABBIT ที่ราคาหุ้นละ 0.6 บาท ทั้งหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ โดยคาดว่าจะใช้เงินราว 8.2 พันลบ. ธนาคารกรุงเทพจะไม่ขายหุ้นบุริมสิทธิที่ธนาคารถืออยู่ การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ROCTEC และ RABBIT จะมีขึ้นในวันที่ 28 ส.ค. ถึง 31 ต.ค. 4) BTS จะออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ที่อัตราส่วน 4.5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ หรือ 2.9 พันล้านหุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 4.5 บาท โดยกำหนดวัน XR วันที่ 16 ส.ค. และจัดประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 30 ก.ย. กำหนดระยะเวลาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (RO) ในวันที่ 17–24 ต.ค.
เหตุผลในการทำธุรกรรมครั้งนี้ การปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยปรับปรุงให้มีความชัดเจนมากขึ้นและซับซ้อนน้อยลงสำหรับนักลงทุน และเพื่อเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของทั้ง BTS และบริษัทในกลุ่ม สำหรับธุรกรรมที่ระดับ BTS นั้น ผู้บริหารมองเห็นโอกาสทางธุรกิจใน ROCTEC ซึ่งเดิมเป็นบริษัทโฆษณาแต่ปัจจุบันกลายเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านการสื่อสารในระบบขนส่งมวลชนทางรางทั่วเอเชีย ดังนั้นจึงมีการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์เพื่อนำ ROCTEC มาอยู่ภายใต้ BTS ในส่วนของการทำ tender offer สำหรับ RABBIT นั้น ผู้บริหารกล่าวว่า valuation น่าสนใจ แหล่งเงินทุนหลักจะมาจากเงินเพิ่มทุนแบบ RO และคุณคีรีและคุณกวินตกลงที่จะจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ RO เต็มจำนวน สำหรับ VGI เหตุผลคือเพื่อเตรียมเงินทุนสำหรับธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจ virtual bank เนื่องจากสัญญาโฆษณาที่ BTS สายสีเขียวจะสิ้นสุดลงในปี 2572 และยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสัญญาใหม่ ผู้บริหารวางแผนจัดสรรเงิน 7.5 พันลบ. สำหรับธุรกิจ virtual bank และส่วนที่เหลือสำหรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อราคาเป้าหมาย เมื่อใช้สมมติฐานว่าผู้ถือหุ้น BTS ทั้งหมด 100% จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ RO บริษัทจะมีสัดส่วนการถือหุ้น 100% ใน ROCTEC และ 90.4% ใน RABBIT และสัดส่วนการถือหุ้น VGI จะปรับลดลงเหลือ 34.2% ราคาเป้าหมายใหม่หลังธุรกรรมเหล่านี้จะอยู่ที่ 5.6 บาท/หุ้น (รายละเอียดใน Figure 4) อย่างไรก็ตาม ราคาเป้าหมายใหม่ยังมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากมีปัจจัยที่ยังไม่มีความชัดเจนหลายอย่างด้วยกัน เช่น สัดส่วนการถือหุ้นที่แท้จริงใน ROCTEC และ RABBIT หลังทำธุรกรรมครั้งนี้ และจำนวนผู้ถือหุ้นที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ RO ของ BTS
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองฟื้นตัวช้า โดยรถไฟฟ้าสองสายนี้สร้างผลขาดทุนสุทธิ 400 ลบ. เมื่ออิงกับตัวเลขใน 4QFY67 ความเสี่ยงด้าน ESG สำหรับ BTS คือ ความน่าเชื่อถือในการให้บริการ
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก BTS240806_T
We take a neutral view on the restructure, as we do not see clear synergy from VGI’s new shareholders, clarity on becoming a virtual bank and the use of the remaining proceeds. At BTS’ level, we also do not see a game-changer in terms of business from acquiring more stake in ROCTEC and RABBIT. We therefore keep our NEUTRAL rating with an SOTP-based TP of Bt5.9/sh. Our TP may potentially be at Bt5.6/sh post transactions.
|
---|
Click here to read and/or download BTS240806_E |