เราคาดการณ์กำไรปกติ 2Q67 ของ CRC ที่ 1.7 พันลบ. ทรงตัว YoY เนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลงจะหักล้างกับยอดขายที่สูงขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นในระดับทรงตัว และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่ลดลงเล็กน้อย แต่ -32% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้ด้วยยอดขายที่เติบโตในระดับปานกลาง (การขยายสาขา และ SSS ที่หดตัวลง 2% YoY ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนก.ค. ใกล้เคียงกับ 2Q67) อัตรากำไรขั้นต้นระดับทรงตัวจากฐานปกติของปีก่อน อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายระดับสูงในช่วงโลว์ซีซั่น และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลง เราจึงคาดว่ากำไรปกติ 3Q67 จะอยู่ในระดับทรงตัว/เพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล เรายังคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ CRC โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7.1% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ 40 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q67 ที่ 1.7 พันลบ. +10% YoY แต่ -21% QoQ เราคาดว่าจะไม่มีรายการพิเศษ (ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว หักล้างกับกำไร (หลังหักภาษี) จำนวน 200 ลบ. จากส่วนต่างระหว่างสิทธิในการใช้สินทรัพย์กับหนี้สินตามสัญญาเช่าหลังจาก CRC เปลี่ยนมาซื้อที่ดินสำหรับร้านไทวัสดุ) ทำให้กำไรปกติจะอยู่ที่ 1.7 พันลบ. ทรงตัว YoY เนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลงจะหักล้างกับยอดขายที่สูงขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นในระดับทรงตัว และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่ลดลงเล็กน้อย แต่ -32% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล รายการที่สำคัญใน 2Q67 ยอดขายจากธุรกิจค้าปลีก คาดว่าจะเติบโต 5% YoY จากการขยายสาขาหักล้างกับ SSS ที่หดตัว ทั้งนี้ เราคาดว่า SSS (ค่าเฉลี่ยจำแนกตามประเภทธุรกิจ) จะลดลง 2% YoY อ่อนแอลงจาก +0.3% YoY ใน 1Q67 จากการเติบโตของ SSS ในประเทศอิตาลี (7% ของยอดขาย) ที่ชะลอตัวลงสู่ 7% YoY (เทียบกับ 9% YoY ใน 1Q67) จากฐานที่เร่มเป็นปกติของปีก่อน และการหดตัวของ SSS ในประเทศไทย (70% ของยอดขาย) และประเทศเวียดนาม (24% ของยอดขาย) ที่ 2% YoY และ 3% YoY (เทียบกับระดับทรงตัว YoY ในประเทศไทยใน 1Q67 และ +2% YoY ในประเทศเวียดนามใน 1Q67) จากบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ซบเซา ไม่มีโครงการ E-receipt ในประเทศไทยและไม่มี calendar effect เชิงบวกสำหรับเทศกาลตรุษจีนในกลุ่มฟู้ดในประเทศเวียดนามอย่างที่รับรู้ใน 1Q67 และมีผลกระทบจากการปรับปรุงร้าน อนึ่ง สำหรับประเทศไทย เราประเมินว่า SSS จะเติบโต 1% YoY ในกลุ่มแฟชั่น (ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากโรบินสัน สาขาซีคอน สแควร์ในเดือนมิ.ย. หลังมีข่าวว่าบริษัทจะปิดสาขาดังกล่าวในช่วงกลางเดือนส.ค. หักล้างยอดขายที่ลดลงจากการปรับปรุงเซ็นทรัล สาขาชิดลม) ทรงตัว YoY ในกลุ่มฟู้ด (ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงสาขารัตนาธิเบศร์และสาขาชิดลมในเดือนมิ.ย.) และ -7% YoY ในกลุ่มฮาร์ดไลน์ (-1% YoY จากการปรับปรุงสาขาหลักของไทวัสดุสองสาขา) สำหรับประเทศเวียดนาม SSS มีแนวโน้มที่จะหดตัวลง 3% YoY ในกลุ่มฟู้ด และ 10% YoY ในกลุ่มฮาร์ดไลน์ รายได้จากการให้บริการเช่า จะเติบโต 5% YoY จากอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าที่ดีขึ้น อัตรากำไรขั้นต้น คาดว่าจะอยู่ในระดับทรงตัว YoY จากมาร์จิ้นกลุ่มแฟชั่นที่เป็นปกติในปีก่อน และการมียอดขายกลุ่มฟู้ดที่ให้มาร์จิ้นต่ำเพิ่มมากขึ้นในประเทศเวียดนาม และธุรกิจฟู้ดใหม่ในประเทศไทย ค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย มีแนวโน้มที่จะลดลง 10bps YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นจะถูกชดเชยโดยค่าสาธารณูปโภคที่ลดลงและยอดขายที่สูงขึ้น ดอกเบี้ยจ่าย จะเพิ่มขึ้น 7% YoY เพราะต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน คาดว่าจะลดลง 17% YoY จากส่วนแบ่งกำไรจาก Grab Food ที่ลดลงจากค่าธรรมเนียมการให้บริการ การบริหารจัดการ และซอฟต์แวร์ที่สูงขึ้น และไม่มีส่วนแบ่งกำไรจาก Gucci หลังจากการขายเงินลงทุนใน 1Q67 แนวโน้มกำไร ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนก.ค. เราคาดว่า SSS ยังคงลดลง 2% YoY (ใกล้เคียงกับ 2Q67) จากบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ซบเซาและฝนที่ตกหนักในประเทศเทยและประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ด้วยยอดขายที่เติบโตในระดับปานกลาง (การขยายสาขท่ามกลาง SSS ที่อ่อนแอ) อัตรากำไรขั้นต้นระดับทรงตัวจากฐานปกติของปีก่อน อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายระดับสูงในช่วงโลว์ซีซั่น และส่วนแบ่งกำไรจาก Grab Food และ Gucci ที่ลดลง เราจึงคาดว่ากำไรปกติ 3Q67 จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว/เพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อและนักท่องเที่ยว และนโยบายรัฐบาลใหม่ ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและมีคุณภาพ (E) แนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน และความปลอดภัยของข้อมูล (S) | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก CRC240802_T
|