กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 270 ลบ. ลดลง 2.7% YoY และ 20.7% QoQ เนื่องจากปริมาณขายลดลงเพราะได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่สูงขึ้นจากกระเบื้องนำเข้า โดยเฉพาะจากจีนและอินเดีย ประกอบกับความต้องการในประเทศลดลงจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาและหนี้ครัวเรือนสูง แนวโน้มยังคงอ่อนแอจากความต้องการกระเบื้องเซรามิคระดับต่ำทั้ง YoY และ QoQ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เรายังคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ DCC โดยให้ราคาเป้าหมาย 1.80 บาท อ้างอิง -0.5SD ของ PE mean ที่ 12.8 เท่า กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 270 ลบ. ลดลง 2.7% YoY และ 20.7% QoQ โดยได้รับแรงกดดันจากรายได้ที่ยังคงลดลงต่อเนื่อง 9.6% YoY และ 12.6% QoQ โดยหลักๆ เป็นผลมาจากปริมาณขายกระเบื้องที่ลดลง 14% YoY และ 13% QoQ ปริมาณขายที่ลดลงเกิดจากการแข่งขันที่สูงขึ้นจากกระเบื้องนำเข้า โดยเฉพาะจากจีนและอินเดีย ประกอบกับความต้องการในประเทศลดลงจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาและหนี้ครัวเรือนสูง อย่างไรก็ตาม DCC ได้ดำเนินกลยุทธ์เพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว ได้แก่ ปรับราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.0% QoQ และ 4.9% YoY มาอยู่ที่ 169 บาทต่อตารางเมตร และเน้นขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น กระเบื้องขนาดใหญ่ และกระเบื้องพอร์ซเลน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นสู่ 39.7% ใน 2Q67 จาก 38.9% ใน 1Q67 และ 37.2% ใน 2Q66 ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับมาขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ต้นทุนราคาก๊าซที่ลดลง และการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลง แนวโน้มยังคงท้าทาย กำไรสุทธิ 1H67 คิดเป็น 47.1% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ของเรา เราคาดว่าประมาณการกำไรปี 2567 ของเราจะมี downside เล็กน้อย เนื่องจากคาดว่าปริมาณขายจะลดลงตามฤดูกาลใน 3Q27 ที่เป็นช่วงหน้าฝน และ 4Q24 ที่มีวันหยุดยาว นอกจากนี้เรายังคาดว่าราคา LNG ที่เพิ่มขึ้น 48% ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาจะส่งผลทำให้ต้นทุนก๊าซของ DCC เพิ่มขึ้นใน 2H67 เราคาดว่า DCC จะคงอัตราการใช้กำลังการผลิตไว้ที่ระดับ 70-75% ตลอดทั้งปี 2567 โดยกลยุทธ์ในปัจจุบันยังคงมุ่งเน้นการลดต้นทุนการผลิต และเน้นขายกระเบื้องพอร์ซเลน โดยเฉพาะกระเบื้องพรี เมียมขนาดใหญ่ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงกว่ากระเบื้องขนาดปกติ อย่างไรก็ตาม ตลาดระดับล่างยังคงเป็นเป้าหมายหลัก แต่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและหนี้ครัวเรือนสูง DCC ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน วงเงิน 500 ลบ. โดยจะซื้อหุ้นคืนจำนวน 250 ล้านหุ้น (2.74% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด) โดยกำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. 2567 ถึงวันที่ 12 ก.พ. 2568 ซึ่งหากคำนวณแล้ว ราคาซื้อเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 2.0 บาทต่อหุ้น เราประเมินอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (D/E) ของ DCC ได้ว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 0.13 เท่า ในปี 2568 มาอยู่ที่ 0.20 เท่า หากใช้วงเงินซื้อหุ้นคืนเต็มจำนวน อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 4.1% ต่อปี, XD 19 ส.ค. คณะกรรมการบริษัทของ DCC มีมติอนุมัติให้บริษัทจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสที่ 0.02 บาท/หุ้น (อัตราการจ่ายเงินปันผล 67% จากผลการดำเนินงาน 2Q67 หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 4.1% ต่อปี) Valuation และคำแนะนำ เราคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ DCC เนื่องจากเราไม่คิดว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 1.80 บาท อ้างอิง -0.5SD ของ PE mean 5 ปี ที่ 12.8 เท่า ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ และต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับสูง |
||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก DCC240807_T
|