ผลการดำเนินงาน 2Q67 ของ GGC ยังคงติดลบ โดยมีขาดทุนสุทธิ 178 ลบ. หลักๆ เกิดจากส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมในธุรกิจเอทานอล ซึ่งไปหักล้างส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นของธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอล์และกำไรสต๊อกจำนวน 41 ลบ. (เทียบกับขาดทุนสต๊อกสุทธิใน 1Q67) ผลประกอบการปกติ (ไม่รวมส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม) ก็ติดลบที่ 37 ลบ. ดีขึ้นจากขาดทุน 57 ลบ. ใน 1Q67 ผลประกอบการ 1H67 ที่น่าผิดหวังและแนวโน้มที่ไม่สดใสทำให้เราปรับประมาณการปี 2567 ลดลงสู่ขาดทุนสุทธิ 257 ลบ. (จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 43 ลบ.) เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานของธุรกิจเอทนอลที่แย่กว่าคาด นอกจากนี้เรายังปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 7.7 บาท สู่ 5.2 บาท อ้างอิง PBV (ปี 2567) ที่ 0.5 เท่า และคงคำแนะนำ UNDERPERFORM กลุ่มธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ (ไบโอดีเซล): การแข่งขันที่รุนแรงส่งผลกระทบต่อมาร์จิ้น EBITDA จากกลุ่มธุรกิจ ME ลดลง 91% QoQ โดยมีสาเหตุมาจาก adjusted EBITDA margin ที่ลดลงจาก 0.4% ใน 1Q67 สู่ 0.2% ใน 2Q67 และขาดทุนสต๊อกจำนวน 4 ลบ. adjusted EBITDA margin ได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่สูงของตลาดไบโอดีเซลในประเทศไทย และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลีเซอรีน (ผลพลอยได้จากการผลิต ME) ที่อ่อนแอลง ปริมาณการขายลดลง 17.6% YoY และ 5.5% QoQ สู่ 75,000 ตัน (เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 87,700 ตัน/ไตรมาส) เพราะถูกฉุดรั้งโดยอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัวลงและการแข่งขันที่สูงขึ้นจากผู้ประกอบการรายใหม่ อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงาน ME ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 62% เทียบกับระดับก่อนเกิด COVID ที่ >80% สร้างแรงกดดันต่อ EBITDA margin ของกลุ่มธุรกิจ ME กลุ่มธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอล์: EBITDA margin ปรับตัวดีขึ้น QoQ เพราะอุปสงค์ดีขึ้น EBITDA จากกลุ่มธุรกิจ FA ปรับตัวเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 195% QoQ สู่ 162 ลบ. เพราะ adjusted EBITDA margin ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2ppt สู่ 7.9% ในขณะที่ปริมาณการขายอยู่ในระดับทรงตัว QoQ เนื่องจากมีการจัดเก็บสต๊อกเพิ่มอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีปัจจัยด้านการขนส่งสินค้าที่จำนวนตู้ขนส่งสินค้ามีจำกัดและอัตราค่าขนส่งสินค้าสูงขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบ CPKO เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการในภาคอุตสาหกรรมโอลีโอเคมีที่เพิ่มขึ้นและความต้องการสินค้าทดแทนเนย adjusted EBITDA margin เพิ่มขึ้นจาก 5.9% ใน 1Q67 สู่ 7.9% ใน 2Q67 เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 105% ใน 1Q67 สู่ 106% ใน 2Q67 นอกจากนี้กำไรยังได้แรงหนุนจากกำไรสต๊อกจำนวน 45 ลบ. ด้วย ปรับประมาณการปี 2567 ลดลง ผลประกอบการ 1H67 ที่น่าผิดหวังทำให้เราปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลดลงจากกำไร 43 ลบ. สู่ขาดทุน 257 ลบ. เพื่อสะท้อน EBITDA margin ที่อ่อนแอของทั้งกลุ่มธุรกิจ ME และกลุ่มธุรกิจ FA และส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมในธุรกิจเอทานอล เราเชื่อว่าความต้องการไบโอดีเซลและแฟตตี้แอลกอฮอล์จะยังคงอยู่ในระดับต่ำตลอดปีนี้ ในขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์จะยังคงได้รับแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบ CPKO ที่อยู่ในระดับสูง ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มธุรกิจ ME จะได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันในตลาดที่สูงอย่างต่อเนื่อง ปรับราคาเป้าหมายลดลงสู่ 5.2 บาท/หุ้น อ้างอิง PBV (ปี 2567) ที่ 0.5 เท่า เนื่องจากผลประกอบการปรับตัวแย่ลงอย่างต่อเนื่องและยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัว เราจึงปรับราคาเป้าหมายของ GGC ลดลงจาก 7.7 บาท สู่ 5.2 บาท/หุ้น อ้างอิง PBV (ปี 2567) ที่ 0.5 เท่า หรือ -2.5SD ของ PBV เฉลี่ย 5 ปี ราคาเป้าหมายดังกล่าวคิดเป็น EV/EBITDA ได้ที่ 5.5 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 10.6 เท่า ปัจจัยเสี่ยง: ราคา CPO และ CPKO ที่ผันผวนอาจส่งผลทำให้เกิดขาดทุนสต๊อกและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ลดลง นโยบายที่ไม่แน่นอนของรัฐบาลเกี่ยวกับส่วนผสมภาคบังคับของไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วสำหรับตลาดในประเทศอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการ ME ในระยะกลาง | ||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก GGC240807_T
|