กำไรสุทธิ 2Q67 ออกมาตามคาดที่ 1.6 พันลบ. ทรงตัว YoY เนื่องจาก EBIT margin ที่กว้างขึ้นหักล้างกับยอดขายที่ลดลง แต่ -5% QoQ ทั้งนี้เพื่อสะท้อน SSS ที่หดตัวลงในอัตราเลขตัวเดียวระดับกลาง YoY ในช่วงครึ่งแรกของเดือนก.ค. (เทียบกับ -7% YoY ใน 2Q67) เราจึงปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลดลง 3% เราคาดว่ากำไร 3Q67 จะอยู่ในระดับทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY และ QoQ โดย SSS จะหดตัว YoY ในอัตราที่น้อยกว่า 2Q67 จากการเบิกจ่ายงบประมาณเร็วขึ้นก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณ 2567 (สิ้นเดือนก.ย.) การเปิดสาขาเพิ่ม และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่ลดลง ทั้งนี้ SSS ที่ปรับตัวดีขึ้นจากการเบิกจ่ายงบประมาณตามปกติ และฐานที่กลับสู่ระดับปกติใน 4Q67 จากผลกระทบเฉพาะตัวจากการซ่อมถนนและการเปิดสาขาในพื้นที่ใกล้เคียงกันที่เป็นฐานเดียวกัน จะหนุนให้กำไร 4Q67 เติบโต YoY อย่างต่อเนื่อง เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ HMPRO โดยปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC ที่ 7.1% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ใหม่เป็น 12 บาท (จาก 13.5 บาท) กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 1.6 พันลบ. ทรงตัว YoY แต่ -5% QoQ เป็นไปตามคาด โดยกำไรที่อยู่ในระดับทรงตัว YoY เกิดจาก EBIT margin ที่กว้างขึ้น (อัตราส่วนค่าใช้จ่าย/ยอดขายลดลงท่ามกลางอัตรากำไรขั้นต้นในระดับทรงตัว) หักล้างกับยอดขายที่ลดลง (SSS ที่หดตัวลงหักล้างการขยายสาขา) รายการที่สำคัญใน 2Q67 รายได้ ลดลง 2% YoY สู่ 1.7 หมื่นลบ. เนื่องจาก SSS ที่หดตัวลงไปหักล้างการขยายสาขา เราประเมินได้ว่า SSS ที่ร้านโฮมโปร (81% ของยอดขาย) ลดลง 7.3% YoY และร้านเมกาโฮม (17% ของยอดขาย) ลดลง 1.3% YoY ในประเทศไทย เพราะถูกฉุดรั้งโดย: 1) บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ซบเซา ฤดูร้อนที่สั้นกว่าปกติของปีนี้จากการเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงต้นเดือนพ.ค. และการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนภาครัฐที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบทำให้เกิดการชะลอโครงการก่อสร้าง และจำนวนลูกค้าเข้าร้านน้อยลง; 2) ผลกระทบจากการซ่อมถนน (สาขาราชพฤกษ์) และการเปิดสาขาในพื้นที่ใกล้เคียงกันก่อนที่จะมีการย้ายที่ตั้งสาขา (สาขาบางบัวทองและรัตนาธิเบศร์) และไม่มีการจัดอีเว้นท์เล็กๆ เหมือนใน 2Q66 (ทำให้ SSS ลดลงราว 2% YoY); 3) ไม่มีแรงกระตุ้นยอดขายจากโครงการ E-Receipt ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 15 ก.พ. (ทำให้ SSS 1Q67 เพิ่มขึ้น 1% QoQ) ในขณะที่เราประเมินได้ว่า SSS ที่ร้านโฮมโปรในประเทศมาเลเซีย (2% ของยอดขาย) เพิ่มขึ้น 10.4% YoY ทั้งนี้ใน 2Q67 HMPRO เปิดสาขาใหม่ 2 สาขา (โฮมโปร ลำพูน และเมกาโฮม อุดรธานี) ส่งผลทำให้บริษัทมีสาขารวมทั้งหมด 130 สาขา ณ สิ้น 2Q67 (+7% YoY และ +2% QoQ) อัตรากำไรขั้นต้น อยู่ในระดับทรงตัว YoY ที่ 26.3% เนื่องจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการได้รับส่วนลดจากคู่ค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของธุรกิจโฮมโปรและเมกาโฮมไปหักล้างกับต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น EBIT margin กว้างขึ้น 50bps YoY สู่ 12.6% จากอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่ลดลง (ค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาใหม่และค่าสาธารณูปโภคลดลง) และรายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นที่ดีขึ้น (+3% YoY จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้ามากขึ้น และการจัดงาน HomePro Super Expo ที่ช่องทางสาขาและออนไลน์ ซึ่งช่วยชดเชยการงดจัดงาน HomePro Fair ที่เชียงใหม่) ปรับประมาณการและแนวโน้มกำไร เราปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลดลง 3% เพื่อสะท้อนการหดตัวของ SSS ที่ร้านโฮมโปรในอัตราเลขตัวเดียวระดับกลาง YoY ในช่วงครึ่งแรกของเดือนก.ค. จากฝนที่ตกหนัก บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ซบเซา และผลกระทบจากการซ่อมถนนและการเปิดสาขาในพื้นที่ใกล้เคียงกัน กำไร 3Q67 มีแนวโน้มที่จะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY และ QoQ โดย SSS จะหดตัว YoY ในอัตราที่น้อยกว่า 2Q67 จากการเบิกจ่ายงบประมาณเร็วขึ้นก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณ 2567 (สิ้นเดือนก.ย.) การเปิดสาขาเพิ่ม (วางแผนเปิดสาขาใหม่ 4-6 สาขา ใน 2H67) และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่ลดลง ทั้งนี้ ฐาน SSS ที่กลับสู่ระดับปกติใน 4Q67 หลังจากผลกระทบจากการซ่อมถนนและการเปิดสาขาในพื้นที่ใกล้เคียงกันกลายเป็นฐานเดียวกัน และการเบิกจ่ายงบประมาณกลับมาเป็นไปตามปกติ ในปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 2567-ก.ย. 2568) จะช่วยหนุนให้กำไร 4Q67 เติบโต YoY และ QoQ อย่างต่อเนื่อง ความเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อและนโยบายรัฐบาลใหม่ ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนพร้อมกับการบริหารจัดการคุณภาพ (E) แนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน และความปลอดภัยของข้อมูล (S) | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก HMPRO240731_T
|