
ก่อนไปคิดอะไร
- แนวโน้มกำไร 2H66 จะเป็นอย่างไร หลัง 2Q66 III มีกำไรสุทธิ 163 ลบ. เติบโต 37.2%YoY โดยแม้รายได้รวมลดลง 39%YoY จากค่าระวางลดลงและมีปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจทำให้ไม่ได้รับรู้รายได้ของ TAC หลังขายให้แก่ ANI ปลายปีก่อน ทำให้รายได้จาก Logistics (-72%YoY), Sea freight (-48%YoY), Chemical (-23%YoY) และ Air freight (-22%YoY) แต่ยังชดเชยได้ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นเป็น 20.7% จาก 20.0% ใน 2Q65 หลังธุรกิจ Air freight มีมาร์จิ้นดีขึ้นจากมีปริมาณให้บริการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนแบ่งกำไรฯ ที่เพิ่มขึ้น 133%YoY จาก ANI ซึ่งตั้งแต่ต้นปีนี้รับรู้ ASIA GSA (M) 100% จากเดิม 20% และ AOTGA (ถือผ่าน SAL) ซึ่งให้บริการภาคพื้นดินในสนามบินมีผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง
หลังไปได้อะไร
- ผู้บริหาร III มองว่า 2H66 ปริมาณขนส่งสินค้าจะเพิ่มขึ้น HoH เพราะเข้าสู่ High Season ของการท่องเที่ยวและการขนส่ง รวมทั้งยังได้แรงหนุนจากจีนเปิดประเทศซึ่งดีต่ออุปสงค์ขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจให้บริการภาคพื้นดินในสนามบิน (AOTGA) สะท้อนได้จาก AOT ที่มีแผนปรับเพิ่มปริมาณเที่ยวบินปีนี้ใหม่จากเดิม 72% เป็น 82% และกระทรวงพาณิชย์ยังคาดการส่งออกไทยจะฟื้นตัวใน 2H66 ขณะที่ค่าระวางขนส่งสินค้าอาจลดลงหรือทรงตัว HoH แต่จะไม่ลดลงแรง YoY เหมือนเช่นใน 1H66 ซึ่งมีฐานค่าระวางสูงใน 1H65
- บริษัทยังตั้งเป้าผลการดำเนินงานปีนี้โต 15-20%YoY จากมีปริมาณขนส่งเพิ่มขึ้นในธุรกิจ Air freight หลังมีพื้นที่ระวางสินค้าเพิ่มขึ้น การขยายคลังสินค้าในพื้นที่ EEC และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรฯ เพิ่มขึ้น (จาก ANI และ AOTGA) ขณะที่ความคืบหน้าของการเสนอขาย IPO ของ ANI (ถือ 51.66%) หลังยื่นไฟลิ่งไปแล้วเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 66 ปัจจุบันยังอยู่ระหว่าง กลต.และตลท. พิจารณา โดยคาดจะอนุมัติไฟลิ่งภายใน ต.ค. และคาดจะเสนอขาย IPO ได้ใน 4Q66
ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน
- กำไร 1H66 คิดเป็น 48% ของประมาณการทั้งปี และเรายังคงประมาณการเดิม โดย 2H66 คาดกำไรจะดีขึ้นทั้ง HoH และ YoY จากเข้าสู่ฤดูกาลขนส่งสินค้า (3Q-4Q66 คาดกำไรดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ) หนุนให้คาดปี 2566 III จะมีกำไรปกติ 650 ลบ. เติบโต 18%YoY (แต่กำไรสุทธิจะลดลง 3%YoY จากปี 2565 มีบันทึกรายการพิเศษสุทธิ 245 ลบ.)
- แม้ช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยและผลการดำเนินงานยังเสี่ยงถูกกดดันจากเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่คาดราคาหุ้นเริ่มมี Downside จำกัด เนื่องจากมีปัจจัยบวกจากการที่ล่าสุดบริษัทอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน 300 ลบ.และจำนวนหุ้นซื้อคืนไม่เกิน 25 ล้านหุ้น (ไม่เกิน 3.10% ของหุ้นชำระแล้ว) เริ่ม 15 ส.ค. 66-14 ก.พ. 67 และยังประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H66 หุ้นละ 20 บาท (XD 23 ส.ค. และจ่ายปันผล 8 ก.ย.) คิดเป็น Div. Yield 1.6% รวมทั้งผู้ถือหุ้น III ยังมีสิทธิรับจัดสรรหุ้น IPO ของ ANI ขณะที่เราประเมินกรอบราคาเป้าหมายปี 2566 ที่หุ้นละ 13.70-14.50 บาท (อิง PER -1SD ที่ 17-18x จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี) ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “หาจังหวะซื้อ” เทคนิคให้แนวรับที่ 12.30/12.00 บาท
- ความเสี่ยงสำคัญ คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก, ความผันผวนของค่าระวาง, ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม III_Stock Note 230809_T