Keyword
Company Update

บทวิเคราะห์รายบริษัท : KBANK

30 Jan 23 12:00 AM
KBANK-20240912012504
สรุปสาระสำคัญ

KBANK เปิดเผยเป้าหมายทางการเงินปี 2566 โดยเป้า NIM และ credit cost ค่อนข้างเป็นลบมากกว่าที่เราคาดการณ์ รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์แย่กว่าคาด เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ KBANK โดยปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 173 บาท สู่ 163 บาท เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการกำไรปี 2566 และปี 2567 ลดลงปีละ 12% ซึ่งหลักๆ เกิดจากการปรับประมาณการ credit cost และ NIM

KBANK เปิดเผยเป้าหมายทางการเงินปี 2566 โดยเป้า NIM และ credit cost ค่อนข้างเป็นลบมากกว่าที่เราคาดการณ์ รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์แย่กว่าคาด เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ KBANK โดยปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 173 บาท สู่ 163 บาท เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการกำไรปี 2566 และปี 2567 ลดลงปีละ 12% ซึ่งหลักๆ เกิดจากการปรับประมาณการ credit cost และ NIM

ตั้งเป้า credit cost ลดลงเล็กน้อยในปี 2566 KBANK ตั้งเป้า credit cost ที่ 1.75-2% ในปี 2566 เทียบกับ 2.11% ในปี 2565 ซึ่งค่อนข้างเป็นลบมากกว่าตัวเลขที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 1.8% ดังนั้นเราจึงปรับประมาณการ credit cost ปี 2566 เพิ่มขึ้นสู่ 2% เป้าหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การล้างหนี้ด้อยคุณภาพออกจากบัญชีงบดุลเชิงรุก (ขาย NPL ให้กับ JK AMC และตัดหนี้สูญ) และแผนเจาะตลาดสินเชื่อขนาดเล็ก (small ticket) และสินเชื่อดิจิทัล KBANK วางแผนเล้างหนี้ด้อยคุณภาพออกจากบัญชีงบดุลให้แล้วเสร็จในปีนี้ ช้ากว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 1 ปี ธนาคารตั้งเป้าอัตราส่วน NPL ที่ <3.25% ภายในสิ้นปี 2566 เทียบกับ 3.2% (ตามการคำนวณของธนาคาร) ณ สิ้นปี 2565 NPL ไหลเข้าในปี 2565 20% เกิดจากสินเชื่อที่มีปัญหาอยู่แล้วก่อนเกิดสถานการณ์ COVID, 50% เกิดจากผลกระทบ COVID, 20% เกิดจากการปล่อยสินเชื่อขนาดเล็กรายใหม่ 20% และ 10% เกิดจากธุรกิจปกติ สัดส่วนสินเชื่อที่มีการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จเพิ่มขึ้นจาก 6.3% ณ 3Q65 สู่ 6.9% ณ 4Q65 LINE BK (บริษัทย่อยที่ KBANK ถือหุ้น 50%) มี credit cost สูงมากที่ 24% ในปี 2565 และคาดว่าจะลดลงสู่ 20% สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ราว 20% อยู่ในภาคการส่งออก ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเผชิญแรงต้านจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 5-7% ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของเราที่ 6% เทียบกับ 3% (6% ถ้าไม่รวม NPL ที่ตัดจำหน่ายออกไป) ในปี 2565 สำหรับปี 2566 KBANK ตั้งสินเชื่อบรรษัทธุรกิจเติบโต 4-6% สินเชื่อธุรกิจ SME เติบโต 1-2% และสินเชื่อลูกค้าบุคคลเติบโต 2-4% ธนาคารคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อบรรษัทธุรกิจส่วนใหญ่จะเกิดจากธุรกิจโรงแรมและการบริการ ค้าปลีก และอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการขยายสินเชื่อในตลาดภูมิภาคไปสู่เวียดนาม อินโดนีเซีย และจีน

เป้า NIM แย่กว่าคาด KBANK ตั้งเป้า NIM ปี 2566 ที่ 3.3-3.45% เทียบกับ 3.34% ในปี 2565 ซึ่งแย่กว่าที่เราคาดการณ์ เป้าหมายดังกล่าวอิงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.75% ณ สิ้นปี 2566 (โดยอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยใน 2H66 เพื่อรับมือกับแรงต้านจากเศรษฐกิจโลก) แนวโน้มที่จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เพิ่มขึ้น และการหันมาปล่อยสินเชื่อบรรษัทธุรกิจเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับชะลอการปล่อยสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันที่ให้ผลตอบแทนสูง เราปรับประมาณการ NIM ปี 2566 ลดลง 5 bps โดยคาดว่า NIM จะขยายตัว 22 bps ซึ่งดีกว่าเป้าหมายของธนาคาร

รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิทรงตัว KBANK ตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิในระดับทรงตัวในปี 2566 ธนาคารคาดว่าค่าธรรมเนียมรับจากการทำธุรกรรมจะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่จะขยายธุรกิจ wealth management ในปี 2566 ด้วยรูปแบบการขายและบริการใหม่ๆ ธนาคารเชื่อว่ารายได้จากการรับประกันภัยสุทธิทำจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2565 และจะค่อยๆ ฟื้นตัวในปี 2566

อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ค่อนข้างทรงตัว KBANK ตั้งเป้าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ทรงตัวอยู่ที่ low to mid 40% ในปี 2566 สอดคล้องกับประมาณการของเรา

คงเรทติ้ง NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายที่ปรับลดลง เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ KBANK ด้วยราคาเป้าหมายที่ปรับลดลงจาก 173 บาท สู่ 163 บาท (0.72 เท่าของประมาณการ BVPS ปี 2566) เนื่องจากเราปรับประมาณการกำไรปี 2566 และปี 2567 ลงลงปีละ 12% ซึ่งหลักๆ เกิดจากการปรับประมาณการ credit cost และ NIM

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และ 2) ผลกระทบจาก Fintech

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5