กำไรสุทธิ 4Q65 ของ KKP ออกมาต่ำกว่า consensus คาด โดยผลประกอบการสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวแย่ลงพร้อมกับ credit cost ที่สูงขึ้น การเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่ง NIM ที่ดีขึ้น non-NII ที่สูงขึ้น QoQ และ opex ที่สูงขึ้นจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว เราคาดว่ากำไรจะเติบโตดีในปี 2566 โดยได้รับการสนับสนุนจากสินเชื่อที่เติบโตอย่างโดดเด่นและไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเกิดขึ้นอีก เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ KKP และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 81 บาท สู่ 85 บาท เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการ NIM เพิ่มขึ้น
4Q65: กำไรต่ำกว่า consensus คาด KKP รายงานกำไรสุทธิปี 2565 จำนวน 7.6 พันลบ. (+20%) และกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 1.43 พันลบ. (-31% QoQ, -29% YoY) ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ แต่ต่ำกว่า consensus คาดอยู่ 30%
รายการสำคัญ:
1) คุณภาพสินทรัพย์: NPL เพิ่มขึ้น 11% QoQ โดยส่วนใหญ่เกิดจากสินเชื่อเช่าซื้อ credit cost ที่รวมขาดทุนจากการขายรถยึด เพิ่มขึ้น 125 bps QoQ สู่ 2.96% ส่งผลทำให้ credit cost ปี 2565 อยู่ที่ 1.94% (+41 bps) สอดคล้องกับเป้าที่ธนาคารวางไว้ที่ ~2% LLR coverage ลดลงสู่ 154% ณ 4Q65 จาก 160% ณ 3Q65
2) การเติบโตของสินเชื่อ: +4% QoQ, +21% YoY การเติบโตของสินเชื่อได้แรงหนุนจากสินเชื่อทุกกลุ่ม: สินเชื่อรายย่อย (+4% QoQ, +24% YoY) สินเชื่อบรรษัท (-0.3% QoQ, +20% YoY) และสินเชื่อ SME (+4% QoQ, +12%)
3) NIM: +56 bps QoQ เนื่องจากผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น 69 bps QoQ มากกว่าต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 14 bps QoQ
4) Non-NII: +29% QoQ (-8% YoY) หลักๆ ได้แรงหนุนจากรายได้อื่น (+185% QoQ, -29% YoY) และรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ (+5% QoQ, +5% YoY) ที่เพิ่มขึ้น
5) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: -473 bps QoQ, -321 bps YoY สู่ 35.9% opex ที่เพิ่มขึ้นมาก (+38% QoQ, +41% YoY) ส่วนหนึ่งเกิดจากการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจำนวน 708 ลบ. เพื่อรองรับผลกระทบจากธุรกรรมการซื้อขายหุ้น MORE ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2565
ปรับประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น เพราะปรับประมาณการ NIM เพิ่มขึ้น เราปรับประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น 5% โดยคาดว่ากำไรจะเติบโต 18% (เทียบกับ 20% ในปี 2565) เราปรับประมาณการ NIM ปี 2566 เพิ่มขึ้น 5 bps เพื่อสะท้อนการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น 20 bps ในเดือนม.ค. ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากการปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 23 bps และดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ สำหรับปี 2566 เราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 15% NIM จะอยู่ในระดับทรงตัว credit cost จะลดลง 8 bps และ non-NII จะอยู่ในระดับทรงตัว
คงเรทติ้ง OUTPERFORM และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ KKP และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 81 บาท สู่ 85 บาท (1.15 เท่าของประมาณการ BVPS ปี 2566) เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการ NIM เพิ่มขึ้น เราคาดว่ากำไรจะเติบโตดีในปี 2566 โดยได้รับการสนับสนุนจากสินเชื่อที่เติบโตอย่างโดดเด่นและไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเกิดขึ้นอีก
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และ 2) ผลกระทบจาก Fintech