กำไรปกติ 4Q65 จะอยู่ที่ 2.7 พันลบ. +4% YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจ B2B ที่ดีขึ้นเพราะยอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยชดเชยธุรกิจ B2C ที่อ่อนแอลงเพราะค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น และ +67% QoQ จากธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C ที่ดีขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล เราปรับประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น 5% เพื่อสะท้อนแผนขยายสาขาเชิงรุกมากขึ้นทั้งในธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C การรีไฟแนนซ์หนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐเสร็จใน 1H66 เพื่อขจัดความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่สูงขึ้นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นในระยะถัดไป คงเรทติ้ง OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ปรับใหม่เป็น 46 บาท (จาก 43 บาท)
คาดกำไรสุทธิ 4Q65 อยู่ที่ 2.5 พันลบ. -72% YoY แต่ +54% QoQ หากตัดขาดทุนพิเศษจากค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้คืนก่อนกำหนดในธุรกิจ B2C จำนวน 215 ลบ. ออกไป เราคาดว่ากำไรปกติ 4Q65 จะอยู่ที่ 2.7 พันลบ. +4% YoY และ +67% QoQ กำไรปกติที่เพิ่มขึ้น YoY จะได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจ B2B ที่ดีขึ้น และกำไรปกติที่เพิ่มขึ้น QoQ จะได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C ที่ดีขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล MAKRO จะประกาศผลประกอบการวันที่ 20 ก.พ.
ธุรกิจ B2B (ธุรกิจค้าส่ง; MAKRO) ใน 4Q65 กำไรปกติจากธุรกิจ B2B คาดว่าจะอยู่ที่ 2.4 พันลบ. +10% YoY และ +53% QoQ กำไรปกติที่เพิ่มขึ้น YoY จะได้รับการสนับสนุนจากยอดขายที่สูงขึ้น YoY และอัตรากำไรขั้นต้นในระดับทรงตัว ซึ่งจะช่วยชดเชยอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่สูงขึ้น เราคาดว่ารายได้จากการขายจะเติบโต 12% YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากการขยายสาขา (เปิดสาขาใหม่เพิ่ม 8 สาขา ใน 4Q65) และ SSS ที่เติบโต 9% YoY (เทียบกับ 4.1% YoY ใน 4Q64 และ 8.9% YoY ใน 3Q65) อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายของธุรกิจ B2B คาดว่าจะอยู่ที่ 13.2% (ทรงตัว YoY) อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายจะเพิ่มขึ้น 60bps YoY โดยเกิดจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการปรับปรุงร้านเพื่อขายออนไลน์และ B2B Marketplace และต้นทุนค่าสาธารณูปโภคที่สูงขึ้น
ธุรกิจ B2C (ธุรกิจค้าปลีก; Lotus’s) ใน 4Q65 กำไรปกติจากธุรกิจ B2C คาดว่าจะอยู่ที่ 272 ลบ. -31% YoY (มีการรับรู้ผลการดำเนินงานของ Lotus’s เป็นเวลา 68 วันใน 4Q64) เพราะถูกฉุดรั้งโดยค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ดีกว่า 29 ลบ. ใน 3Q65 จากปัจจัยฤดูกาล เราคาดว่ารายได้รวมใน 4Q65 จะเติบโต 4% YoY (ใช้สมมติฐานว่ามีการรับรู้ผลการดำเนินงานของ Lotus’s เป็นเวลา 92 วันใน 4Q64) โดยรายได้จากการขายปลีกจะเติบโต 3% YoY และรายได้ค่าเช่าและการให้บริการจะเติบโต 10% YoY สำหรับธุรกิจค้าปลีก SSS มีแนวโน้มที่จะเติบโต 1.5% YoY (เทียบกับ -6% YoY ใน 4Q64 และทรงตัว YoY ใน 3Q65 ในประเทศไทย และ -2.2% YoY ใน 4Q64 และ -3.7% YoY ใน 3Q65 ในมาเลเซีย) อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลง YoY จากการจัดแคมเปญโปรโมชั่นเพิ่มมากขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขาย สำหรับธุรกิจให้เช่า อัตราการเช่าพื้นที่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นสู่ 92% ในประเทศไทย (เทียบกับ 90% ใน 4Q64 และ 91% ใน 3Q65) และ 95% ในมาเลเซีย (เทียบกับ 92% ใน 4Q64 และ 91% ใน 3Q65) โดยมีอัตราค่าเช่าที่ดีขึ้น YoY เพราะไม่มีการให้ส่วนลดค่าเช่า อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น YoY สอดคล้องกับอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าที่ดีขึ้น อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายมีแนวโน้มที่จะลดลง 30 bps YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้ากว่ายอดขาย ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นสู่ 1.9 พันลบ. +40% YoY (ใช้สมมติฐานว่ามีการรับรู้ผลการดำเนินงานของ Lotus’s เป็นเวลา 92 วันใน 4Q64) และ +9% QoQ หลักๆ เกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐสำหรับเงินกู้ที่เหลืออยู่ US$1.3 พันล้าน
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และการอ่อนค่าของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ